กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--อเกต คอมมิวนิเคชั่น
บจก.ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ปฏิวัติตัวเองเพื่อให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และเศรษฐกิจในยุคที่พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน ปัดฝุ่นพร้อมประกาศปฎิวัติองค์กรใหม่ เปลี่ยนมุมมองวิสัยทัศน์ และพันธกิจ สอดรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ “กลุ่ม MESTEEM” พร้อมปรับตัวโลโก้ใหม่ให้มีความเรียบง่าย (Simplify) ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงความเป็นเอ็มเพอเร่อร์ได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงสื่อถึงความปราณีตบรรจงอย่างเหนือมาตรฐาน นอกจากนั้นเปลี่ยนการเรียกชื่อแบรนด์ให้สั้นลง โชว์โครงสร้างองค์กรและการทำงานแบบร่วมกันอย่างเป็นระบบ (Integrated) เชื่อมั่นช่องว่างทางการตลาดบ้านสร้างเอง ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกหลังกวาดเค้กก้อนใหญ่ไว้ในมือกว่า 380 ลบ. หรือคิดเป็น 61% ของกลุ่มผู้ประกอบการในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่สร้างบ้านเกิน 50 ลบ. ขึ้นไป
นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด ผู้นำบริษัทรับสร้างบ้านระดับสูง ที่ให้บริการทั้งออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งภายใน และการจัดสวนสวยเพื่อบ้านสั่งสร้างระดับตั้งแต่ 40 ล้านบาทขึ้นไป กล่าวว่า “เอ็มเพอเร่อร์ ดำเนินงานมาจวบจนปีนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 28 แล้ว ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้เรารับรู้ได้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจใดสิ่งสำคัญที่สุด คือ การปรับตัวให้ทันยุคสมัย และเข้าใจลูกค้าอยู่เสมอ เมื่อเราได้เรียนรู้ถึงปัจจัยในข้อนี้ เราพร้อมที่จะปรับตัวตลอดเวลา จะเห็นได้ว่า เอ็มเพอเร่อร์ ได้มีการพัฒนาการด้านแบรนด์มากว่า 5 ยุคตั้งแต่การสร้างตัวเองขึ้นมาจากกลยุทธ์ Word of Mouth ซึ่งเป็นช่วงแรกในการก่อตั้งบริษัทในปี 2531 กระทั่งปี 2538 จากนั้นได้มีการพัฒนาการที่มากขึ้น โดยเริ่มเข้าสู่ยุคที่ 2 (2539-2544) Quality Beyond Standard หรือ คุณภาพที่เหนือกว่ามาตรฐาน โดยได้มีการเปลี่ยนชื่อ จากเอ็มไพร์กรุ๊ป เป็น ดิ เอ็มเพอเร่อร์เฮ้าส์ พร้อมเริ่มมีสโลแกน “บ้านคู่บารมี...ของคุณ” จากนั้นเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องของการ “สร้างแบรนด์” ซึ่งเข้าสู่ยุคที่ 3 ของเรา ในปี 2545-2549 โดยเราเป็นรายแรกในวงการธุรกิจรับสร้างบ้านที่สามารถนำโลโก้ของทางบริษัทไปติดไว้ที่หน้าบ้านที่เราสร้าง ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจอย่างมากทั้งกับตัวเราเอง และกับตัวลูกค้า ในช่วงนั้นยังได้ทำสถิติส่งมอบบ้านมูลค่าสูงสุด 217 ล้านบาท และในปี 2550-2554 เป็นปีที่เรามีประสบการ์ทำงานที่ยาวนานพอ เริ่มมีผลงานการออกแบบและก่อสร้างในต่างประเทศ เช่น ประเทศปากีสถานและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรายังได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการรับสร้างบ้านอีกครั้ง คือ การนำผลงานการออกแบบ ก่อสร้าง และตกแต่งภายในบ้านของเอ็มเพอเร่อร์ มารวมเป็นหนังสือ The House of The Emperor แล้วเผยแพร่แก่ผู้สนใจ และการส่งมอบบ้านมูลค่าสูงสุด 270 ล้านบาท และในปี 2555 - ปัจจุบัน เราได้สร้างกลยุทธ์เรื่องการเป็น “Brand Leadership” โดยเน้นเรื่องการใส่ความเป็นผู้นำลงไปในกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของเราด้วย เริ่มมีผลงานในต่างประเทศมากขึ้น การส่งมอบบ้านมูลค่าสูงถึง 360 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่แห่งวงการรับสร้างบ้าน หรือ เรื่องการออกแคมเปญ บ้าน 100 ปี และออกหนังสือรวมผลงานบ้าน The House of The Emperor เล่มที่ 2 และสิ่งสำคัญที่สุด คือ ในครั้งนี้ เอ็มเพอเร่อร์กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตัวเองอย่างน่าตื่นเต้นอีกครั้ง คือ การลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองให้ไม่ย่ำอยู่กับที่นั่นเอง”
เหตุที่เอ็มเพอเร่อร์ได้ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองนั้นเป็นเพราะว่า เราได้วางตัวเองไว้ในยุคของการเป็น Brand Leadership และสิ่งสำคัญไปกว่านั้น คือ เรารับรู้ได้ว่าปัจจุบัน ผู้บริโภครู้ว่าตัวเองต้องการอะไร โลกของอินเตอร์เน็ตที่ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และการสื่อสารที่รวดเร็ว ทำให้ลูกค้าสามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น การจะนำพาบริษัทให้ดำรงอยู่ได้ ต้องการปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า การเติบโตของเทคโนโลยี ความเปลี่ยนแปลงทางบริษัทเชิงสังคมนั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นการปฏิวัติอย่างยิ่งใหญ่ของเอ็มเพอเร่อร์ เพื่อให้องค์กรมีร่วมสมัย ความคล่องตัว และมีทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งจะสะท้อนไปถึงการทำงาน และผลงานที่จะส่งมอบให้กับลูกค้า ซึ่งนั่นเป็นเป้าหมายที่สำคัญ โดยเอ็มเพอเร่อร์ได้วิเคราะห์เรื่องของ Brand Values ขององค์กร คุณค่าภายองค์กรที่ให้ความสำคัญ และคุณค่าที่ต้องการสื่อไปยังลูกค้า
1) วิเคราะห์ Brand Value ของเอ็มเพอเร่อร์ คุณค่าภายในองค์กร (Internal Principle) และคุณค่าที่ต้องการสื่อไปยังกลุ่มลูกค้า (External Principle)
2) การปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ที่ถูกออกแบบมา เพื่อให้รู้สึกถึงความเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น ลายเส้นและสัดส่วนของรูปทรงเลขาคณิต แต่ยังคงความละเอียดอ่อนผสมผสานอยู่ แสดงถึงความมั่นคง คุณภาพ เต็มไปด้วยความปราณีต บรรจงอย่างเหนือมาตรฐาน รูปลักษณะความกลมมน เปรียบเสมือน เสาโรมันและยังสื่อได้ถึงชื่อเอ็มเพอเร่อร์ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหม่ อยู่ในช่วงอายุโดยเฉลี่ย 40-50 ปี
3) การเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ และพันธกิจของบริษัท เพื่อให้การดำเนินงานภายในถูกจัดการอย่างเป็นระบบ และก้าวต่อไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อส่งต่อความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของ เอ็มเพอเร่อร์ ได้รับรู้
4) การให้บริการแบบ Integrated Services ซึ่งเอ็มเพอเร่อร์ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 ในเรื่องของการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบซึ่งแตกต่างจาก One Stop Service โดยลูกค้าของเอ็มเพอเร่อร์ จะได้รับการบริการจากทีมงานของเอ็มเพอเร่อร์ ที่ร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบครอบคลุมทั้งเรื่องการออกแบบ, การก่อสร้าง,?การออกแบบตกแต่งภายใน, งานตกแต่งภายใน และการจัดสวน
5) การแสดงผังองค์กรบริษัทของ บจก. ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ซึ่งขณะนี้ บจก. ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ คือ บริษัทแม่ โดยดูแล 3 ส่วนหลัก คือ 1) ประกอบธุรกิจรับสร้างบ้านภายใต้แบรนด์เอ็มเพอเร่อร์ 2) บจก. เอ็มเพอเร่อร์ ดี วัน ซึ่งมีภารกิจหลักในการรับออกแบบตกแต่งภายในที่พักอาศัยระดับสูง คอนโดมิเนียม และโรงแรม โดยในปัจจุบัน บริษัท เอ็มเพอเร่อร์ ดีวัน ได้แตกบริษัทในเครือเพื่อรองรับงานตกแต่งคอนโดมิเนียมขนาดเล็กโดยใช้ชื่อ บจก. ธนบดี และ 3) บจก. ลีโอแองเจลโล ซึ่งทำหน้าที่นำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากอิตาลี
“การเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรที่เกิดขึ้น เพราะว่าเราต้องการขยายกลุ่มลูกค้าของเราสู่ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ที่ เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตทางการตลาดบ้านสั่งสร้างเองอยู่นั้น คือ กลุ่มที่เราให้คำจำกัดความว่า “MESTEEM” ซึ่งหมายถึง กลุ่มที่มีความรู้ เป็นเจ้าของธุรกิจอายุประมาณ 40-50 ปี ใช้สินค้าแบรนด์เนมระดับสูง ออกงานสังคมบ้าง แต่ไม่ใช่ถึงกับเป็น Celibrity
ซึ่งเมื่อเราปรับกลุ่มเป้าหมายแล้ว การปรับสิ่งสุดท้ายที่ตามมาเพื่อให้ตรงกับความกระชับ ง่าย และรวดเร็วของคนกลุ่มนี้ นั่นคือ การปรับเรื่องการเรียกชื่อของแบรนด์ให้เหลือเพียง “เอ็มเพอเร่อร์” เท่านั้น จากเดิมที่เราจะติดเรียกว่า “ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์” เพื่อสอดคล้องกับการ Simplify Brand ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ สะท้อนความง่าย สั้นและกระชับ สะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดรับสร้างบ้าน ด้วยคำว่า Emperor บ้านที่ไม่ใช่แค่บ้าน แต่คือการสร้างสิ่งมหัศจรรย์
นายสุรัตน์ชัย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดของธุรกิจรับสร้างบ้านเพิ่มเติมว่า “เราคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมของตลาดรับสร้างบ้านปี 2558 น่าจะอยู่ที่ 49,235 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 10% โดยกว่า 38,868 ล้านบาท ยังคงเป็นของกลุ่มผู้รับเหมาอิสระ ซึ่งคิดเป็น 79% และเป็นของบริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านอีก 6,888 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% และเป็นของบริษัทรับสร้างบ้านที่ไม่ได้อยู่ในสมาคมฯ อีก 7% หรือคิดเป็น 3,444 ล้านบาท สำหรับการแบ่ง Segmentในธุรกิจรับสร้างบ้านนี้ ก็ได้มีการแบ่ง Segment เพิ่มโดยแบ่งตามระดับราคาบ้าน คือกลุ่ม 50 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเอ็มเพอเร่อร์ อยู่ใน Segment นี้ ซึ่งเป็ยกลุ่มที่แบ่งยอดมาได้ถึง 9% ซึ่งเอ็มเพอเร่อร์ ครองส่วนแบ่งตลาดใน Segment นี้ถึง 61% หรือคิดเป็น 380 ล้านบาท ซึ่งเมื่อพิจารณาจากตัวเลขแล้ว เอ็มเพอเร่อร์ถือครองตลาดใน Segment เกินครึ่ง และเราหวังว่า เราจะสามารถพัฒนาบริษัทของเราให้ก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป”