กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--ซีพีเอฟ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการดูแลบุคลากรทุกระดับด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียม ทั้งลูกจ้างคนไทยและต่างชาติ ซีพีเอฟ ยึดหลักบริหารแรงงานมาตรฐานสากลตามหลักสิทธิมนุษยชนและต่อต้านการค้ามนุษย์และแรงงานทาส เพื่อให้มั่นใจว่าแรงงานต่างชาติทุกคนได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมแรงงานไทย
นายปรีชา ธนสุกาญจน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านนโยบายและงานทรัพยากรบุคคลมาตรฐานโลก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟได้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารแรงงาน ได้แก่ นโยบายด้านสิทธิมนุษยชน นโยบายการจ้างงานและการบริหารแรงงาน นโยบายการจ้างแรงงานต่างชาติ นโยบายการบริหารความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง (Diversity and Inclusion) นโยบายเรื่องการเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด ซึ่งนโยบายต่างๆ ดังกล่าวได้ยึดถือตามแนวทางปฏิญญาสากล ว่าด้วย สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทจะจ้างแรงงานต่างชาติเป็นลูกจ้างโดยตรงเท่านั้น รวมถึงการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจ้างงานที่เกิดขึ้นในประเทศต้นทางและประเทศไทยให้กับลูกจ้าง อาทิ ค่าธรรมเนียมวีซ่า ค่าเปลี่ยนประเภทวีซ่า ค่าใบอนุญาตทำงาน ค่าต่อวีซ่า ค่าตรวจร่างกาย(ในประเทศไทย) และค่าเดินทางจากชายแดนถึงสถานที่ปฏิบัติงาน เป็นต้น ในเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการนั้น แรงงานต่างชาติที่เป็นลูกจ้างโดยตรงของบริษัทจะได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆเท่ากับแรงงานไทยที่อยู่ในระดับงานเดียวกัน อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
ด้าน นายสว่าง สุขศรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านบริหารทรัพยากรบุคคล ซีพีเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันแรงงานต่างชาติของบริษัทเป็นการจ้างตรงเท่านั้น เพื่อให้สามารถบริหารจัดการแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักสิทธิมนุษยชน ปัจจุบันซีพีเอฟมีแรงงานต่างชาติประมาณ 5,000 คน ส่วนใหญ่ เป็นแรงงานชาวกัมพูชาจำนวน 4,100 คน และอีก 900 คนเป็นชาวเมียนมาร์ ซึ่งกระจายไปตามโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ แปรรูปสุกร และแปรรูปสัตว์น้ำ ทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรมเทียบเท่าแรงงานคนไทยทุกประการ อาทิ การรับค่าจ้างไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย, ค่าทักษะฝีมือแรงงาน, การปรับค่าจ้างประจำปี, บริการรถรับส่งฟรี, การประกันอุบัติเหตุ รวมไปถึงสวัสดิการที่เป็นไปตามกฎหมายเช่น ประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน นอกจากนี้ ยังช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสมัครงานตั้งแต่ต้นทาง
นายสว่างกล่าวต่ออีกว่า การว่าจ้างแรงงานต่างชาติโดยตรงได้ช่วยให้บริษัทสามารถดูแลและยกระดับฝีมือและคุณภาพชีวิตแรงงานต่างชาติทุกคนได้อย่างเต็มที่เหมือนกับพนักงานคนไทย บริษัทเปิดโอกาสให้แรงงานต่างชาติได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อเลื่อนระดับงานให้สูงขึ้น และมีการปรับอัตราค่าจ้างเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ ในแง่คุณภาพชีวิต บริษัทมีทีมแรงงานสัมพันธ์คอยดูแลแรงงานต่างชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการสำรวจแรงงานต่างชาติมีความพึงพอใจในการร่วมงานกับบริษัท และมีแรงงานต่างชาติอีกจำนวนมากแจ้งความประสงค์ที่จะเข้ามาร่วมงานกับซีพีเอฟ
"จากนโยบายของซีพีเอฟที่ผ่านมา โดยเฉพาะนโยบายการจ้างแรงงานต่างชาติเป็นพนักงานของบริษัทโดยตรงทำให้มั่นใจในเรื่องของการบริหารแรงงานว่า บริษัทจะปราศจากปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแรงงานบังคับได้ 100% และตามนโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืน บริษัทพร้อมส่งมอบมาตรฐานการจ้างแรงงานต่างชาติไปยังคู่ค้าของบริษัท เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานด้านแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล" นายปรีชากล่าว
ซีพีเอฟ ตระหนักและให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการแรงงาน นอกเหนือจากการกำหนดนโยบายดังกล่าวแล้ว ยังนำระบบ การจัดการมาตรฐานแรงงานไทย (มรท.8001) มาประยุกต์ใช้ในโรงงานของซีพีเอฟ และส่งมอบนโยบายด้านการจัดหาอย่างยั่งยืนให้กับคู่ค้าทางธุรกิจด้วย นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้สร้างมาตรฐานการยอมรับในเรื่องความแตกต่างให้เป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันทั้งองค์กร โดยไม่คำถึงเรื่องสีผิว เชื้อชาติ หรือ ศาสนา โดยสายงานทรัพยากรบุคคลได้เข้าไปทำกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างแรงงานต่างเชื้อชาติ ยกตัวอย่างเช่น การจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างแรงงานเมียนมาร์ และ แรงงานไทย รวมถึงแรงงานชาติอื่นๆ อย่าง ลาว และ กัมพูชา เป็นต้น
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังเปิดหลักสูตรอบรมภาษา อย่างเช่น ผู้บริหารของโรงงาน จะต้องเข้าอบรมภาษาพม่าเพื่อสามารถสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ในทางกลับกัน ก็มีการเปิดหลักสูตรสอนภาษาไทยกับกลุ่มแรงงานต่างชาติ เพื่อสร้างการปฏิบัติที่เป็นธรรมและเสมอภาคต่อกัน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แรงงานต่างชาติมีตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสวัสดิการของบริษัทอีกด้วย