กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--โตเกียวมารีนประกันภัย
มร.ทสึโยชิ นากาโน่ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โตเกียวมารีน โฮลดิ้งส์ ยืนยันเจตนารมณ์ให้การสนับสนุนการขยายธุรกิจ กลุ่มโตเกียวมารีนในประเทศไทย ด้วยเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายธุรกิจ ตั้งแต่ในอดีตที่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากประเทศไทยมีความได้เปรียบในหลายๆด้าน ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และทางด้านเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการลงทุน และก้าวขึ้นเป็นระดับผู้นำของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้
กลุ่มบริษัทโตเกียวมารีน ได้ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากธุรกิจประกันวินาศภัย และขยายสู่การประกันชีวิต เพื่อมุ่งที่จะเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านธุรกิจประกันภัยที่ครบวงจร จนถึงปัจจุบันนับเป็นการก้าวสู่ปีที่ 70 ที่กลุ่มโตเกียวมารีนได้มีส่วนร่วมในการสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิต และทรัพย์สินให้กับประชาชนชาวไทย เบี้ยประกันภัยรับรวมของทั้งธุรกิจประกันวินาศภัย และธุรกิจประกันชีวิตเกินกว่าครึ่งมาจากการส่งมอบกรมธรรม์รายเดี่ยวให้กับสังคมไทยโดยตรง อีกทั้งได้เดินเคียงข้างสังคมไทยมาโดยตลอด รวมถึงการร่วมฝ่าวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่พร้อมกับคนไทยเมื่อปี 2554 ด้วยการจ่ายสินไหมชดเชยให้กับผู้เสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนั้น นับเป็นมูลค่ารวมสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท
"ผมมั่นใจว่าผู้บริโภคในประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของประกันชีวิตและประกันวินาศภัยเพิ่ม ขึ้นเนื่องจากกลุ่มชนชั้นกลางและกลุ่มชนชั้นสูงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นรวมทั้งรายได้ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากจากต่างประเทศรวมถึงประเทศญี่ปุ่นที่จะไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกลุ่มโตเกียวมารีนได้นำทักษะและองค์ความรู้จากการทำธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศทั่วโลกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และได้ยกระดับความสัมพันธ์อันดีทั้งในระดับประเทศ และภาคประชาชนที่มีมาตั้งแต่อดีตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น กล่าวคือ โตเกียวมารีนเป็นกลุ่มบริษัทประกันภัยระดับสากล ที่พร้อมจะทุ่มเทเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ดียิ่งขึ้นผ่าน "การประกันวินาศภัยและประกันชีวิต" โดยเรามีความตั้งใจที่จะส่งมอบความอุ่นใจและความปลอดภัยให้กับลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของเรา เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นในอดีต ผมคิดว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ดังนั้นโตเกียวมารีนควรมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเหลือคนในสังคม ด้วยการนำเสนอสิ่งใหม่แก่สังคมไทยจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ขณะที่เทคโนโลยีและการบริการทางการแพทย์กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เรามีหน้าที่ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย เราพยายามที่จะพัฒนารูปแบบของการประกันภัยที่มีรายละเอียดความคุ้มครองชัดเจน และมีมูลค่าคุ้มครองความรับผิดหรือค่าชดเชยสินไหมระดับสูง และสามารถตอบสนองต่อความเสี่ยงแบบใหม่ได้อย่างมีเสถียรภาพ และให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมแก่คนไทยมากกว่าในอดีต โดยศึกษาจากผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่เรามีอยู่ในญี่ปุ่น หรืออีกหลายประเทศทั่วโลก" มร.นากาโน่ กล่าว
กลุ่มบริษัทโตเกียวมารีนได้ประกาศแผนธุรกิจระยะกลาง ระหว่างปี 2558 ถึง ปี 2560 ภายใต้วิสัยทัศน์ "2017 To be a Good Company" โดยมุ่งสร้างคุณค่าหลักขององค์กร 3 ประการ
- มองไกลเกินกว่าผลกำไร (Look beyond Profit)
- ให้ความสำคัญกับบุคคลากร (Empower our People)
- ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา (Deliver on Commitment)
ด้วยนโยบายของการสร้างบริษัทให้เป็น Good Company ทำให้มั่นใจได้ว่ากลุ่มโตเกียวมารีนจะสามารถเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนอีกยาวนานต่อเนื่องไปถึง 50 หรือ 100 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคง และความอุ่นใจกับพันธสัญญาที่ได้ส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในระยะยาว
สำหรับธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ ในปี 2557 ที่ผ่านมา มีการเติบโตสูงกว่าแผนในระยะแรก ซึ่งเป็นผลจากที่บริษัทลูกในแต่ละประเทศรวมถึงโตเกียวมารีนประกันภัยและประกันชีวิตในประเทศไทย ได้สั่งสมความไว้วางใจจากลูกค้าและสังคมของแต่ละพื้นที่ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีโตเกียวมารีน ดังจะเห็นได้ว่าผลประกอบการของกลุ่มโตเกียวมารีนประจำปี 2557 มีผลกำไรหลังปรับปรุงทั้งสิ้นมูลค่า 412,000 ล้านเยน หรือประมาณ 115,360 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ 35% หรือคิดเป็นมูลค่า 145,500 ล้านเยน หรือประมาณ 40,720 ล้านบาท ผลลัพท์ดังกล่าวมาจากการที่บริษัทสามารถรักษาสมดุลย์ระหว่างพอร์ตการทำธุรกิจทั้ง 3 ประเภทได้เป็นอย่างดี คือ ธุรกิจประกันวินาศภัยในญี่ปุ่น ธุรกิจประกันชีวิตในญี่ปุ่น และธุรกิจประกันวินาศภัยและประกันชีวิตในต่างประเทศ
ระหว่างที่ตลาดประเทศญี่ปุ่นกำลังอิ่มตัว บทบาทของธุรกิจประกันต่างประเทศก็ยิ่งทวีความสำคัญยิ่งขึ้นกว่าในอดีต เนื่องจากเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตในด้านผลกำไร บริษัทได้แสวงหาโครงสร้างพอร์ตธุรกิจที่สามารถขยายขนาด เพิ่มผลกำไร และสามารถกระจายความเสี่ยงได้ ทั้งในตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศที่กำลังพัฒนา กลุ่มโตเกียวมารีน เน้นกลยุทธ์การส่งเสริมการควบรวมกิจการหรือ M&A และการเพิ่มศักยภาพการเติบโตด้วยตัวเองของบริษัทในแต่ละประเทศ ซึ่งเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการ บริษัท HCC Insurance Holdings, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน มูลค่ากว่า 7,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 255,000 ล้านบาท นับได้ว่าการเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้อยู่ในช่วงเวลาที่ดี เนื่องจากสามารถดำเนินการได้ภายใต้กลยุทธ์ที่วางไว้
นอกจากนี้กลุ่มโตเกียวมารีนพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้งเรื่องการเสนอวิธีการทำ Cross Border กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ AEC หรือให้การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นจำนวนมาก ในรูปแบบของการรับประกันภัย โดยโตเกียวมารีนประเทศไทยทั้งสองบริษัท มีหน้าที่ดำเนินธุรกิจแต่ละแขนงดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตามนโยบายที่กำหนดขึ้น แต่การที่โตเกียวมารีนประเทศไทยทั้งสองบริษัทจะมีโครงสร้างที่สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจนนั้น โตเกียวมารีนโฮลดิ้งส์จึงจำเป็นต้องคอยสำรวจโอกาสในการสร้างการเติบโตด้วยวิธีควบรวมกิจการควบคู่กับการขยายการเติบโตของธุรกิจหลัก เพื่อให้กลุ่มโตเกียวมารีนประเทศไทยสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการมอบความอุ่นใจและความปลอดภัย ที่สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน และยังคงมุ่งเน้นการเป็นบริษัทที่ดี มีประโยชน์ต่อสังคมไทยในทุกช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการ