กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--IR network
"NCL"ชี้เลิกบริการขนส่งฯระนอง-ย่างกุ้งตัดสินใจถูกต้อง ขอให้ผถห.เชื่อมั่น บริษัทฯ พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
ลั่น! ขอปักหลักลุยธุรกิจโลจิสติกส์ในปท.-ตปท..เติบโตอย่างมีศักยภาพ
บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) แจงตัดสินใจโละบริการขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ท่าเรือระนอง-ย่างกุ้งทิ้ง เหตุมีข้อจำกัด เรื่องของกฎระเบียบ ข้อกำหนด ข้อบังคับต่างๆ อีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว หวั่นฉุดผลงานในอนาคตไม่โต "กิตติ พัวถาวรสกุล" ลั่นขอกลับมาทำธุรกิจหลักที่สร้างรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งดีกว่า ขอให้ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่น ทีมผู้บริหารยังเดินหน้าขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ และยังสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้หยุดการให้บริการขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์ จากท่าเรือระนองประเทศไทยไปยังท่าเรือย่างกุ้งประเทศพม่าแล้ว เนื่องจากพบว่ายังมีข้อจำกัด เรื่องของกฎ ระเบียบ ข้อกำหนด ข้อบังคับต่างๆ ประกอบกับบริษัทต้องปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทฯ แต่ขอให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจว่าบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของรายได้ปีนี้ยังเชื่อมั่นว่าจะเติบโตตามเป้า 1,000 ล้านบาท และขยายตัวต่อเนื่องในปี 2559 ไม่ต่ำกว่า 30%
"แม้ว่าบริษัทฯ จะเพิ่งเปิดให้บริการในเส้นทางดังกล่าวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยทีมผู้บริหารของบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทเพื่อดำเนินโครงการนี้อย่างเต็มที่และมีความรอบคอบในทุกขั้นตอน เพื่อผลักดันให้การบริการดังกล่าว ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้เราต้องหยุดดำเนินการ เพื่อพิจารณาสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงสถานการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้ จึงทำให้เราต้องปรับตัวและตัดสินใจยกเลิก เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง" นายกิตติกล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามปกติ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจโลจิสติกส์ทั้ง ในประเทศและต่างประเทศสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากที่ผ่านมา โดยแหล่งรายได้ของบริษัทฯ ยังคงมาจากการดำเนินธุรกิจตามปกติตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ รวมถึงรายได้ที่เพิ่มเข้ามาจากการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทย่อยที่สิงคโปร์ และกัมพูชา ซึ่งบริษัทยังเดินหน้ามองหาช่องทางในการขยายธุรกิจเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นในประเทศแถบอาเซียน ด้วย เช่น ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศตามแผนงานที่ได้วางไว้