4 กองทุนต่างประเทศผลงานเข้าเป้า บลจ. กสิกรไทย หอบเงินกว่า 790 ล้านบาท จ่ายปันผลผู้ลงทุน 14 ส.ค. นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 6, 2015 15:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--บลจ.กสิกรไทย นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย มีกำหนดจะจ่ายเงินปันผลกองทุนต่างประเทศจำนวน 4 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA) ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2558 - 31 กรกฎาคม 2558, กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 - 31 กรกฎาคม 2558, กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน (K-INDIA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 - 31 กรกฎาคม 2558 และกองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 - 31 กรกฎาคม 2558 โดยทั้ง 4 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14 สิงหาคม 2558 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 798.48 ล้านบาท สำหรับมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงนี้ นายนาวินกล่าวว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตได้ช้ากว่าที่คาดไว้ แต่ยังสามารถเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ทั้งนี้คาดว่าในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น และคาดการณ์การเติบโตของ GDP ทั้งปีที่ 2.3% โดยจะได้รับปัจจัยสนันสนุนจากภาคการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสืบเนื่องมาจากภาวะการจ้างงานที่เติบโตได้ดีและค่าจ้างแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้น นายนาวินกล่าวต่อไปว่า "กองทุน K-USA ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 โดยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 13% และสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งให้ผลตอบแทนเพียงแค่ 3% ทั้งนี้เนื่องมาจากกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มไอทีในสัดส่วนที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีมูลค่าการซื้อขายและราคาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงแล้ว ผู้ลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังหากต้องการเข้าลงทุนเพิ่มเติม" ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจของยุโรป ยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจยุโรปจะเติบโตที่ 1.5% และคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 0% จากเดิมที่ติดลบ ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังคือสถานการณ์หนี้กรีซ ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนได้คลายความกังวลลงไปบ้างแล้วภายหลังจากการเจรจาระหว่างกรีซที่ตกลงยอมรับเงื่อนไขและความช่วยเหลือของกลุ่มเจ้าหนี้ อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดให้มีความผันผวนในระยะสั้นเท่านั้น ผู้ลงทุนจึงอาจอาศัยจังหวะช่วงที่หุ้นปรับตัวลงเข้าลงทุนเพิ่มเติมได้ โดยมองว่าในระยะยาว หุ้นยุโรปยังมีความน่าสนใจเพราะมีแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรที่ดีและยังมีระดับราคาที่ไม่แพงจนเกินไป รวมถึงค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนซึ่งส่วนใหญ่มีรายได้มาจากนอกภูมิภาค "ส่วนเศรษฐกิจของอินเดียมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นกว่าในภูมิภาคอื่นๆ โดยคาดว่าในปี 2558-2559 จะขยายตัวในระดับสูงกว่า 7% ต่อปี โดยมีปัจจัยสนันสนุนจากการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางอินเดีย ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 7.25% ประกอบกับแผนการปฏิรูปของรัฐบาลที่มุ่งเน้นพัฒนาประเทศให้เติบโตแบบยั่งยืน อาทิ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและการคลัง นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีการนำเข้าเชื้อเพลิงรายใหญ่ จึงช่วยลดต้นทุนการผลิตและจะส่งผลบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจอินเดีย รวมถึงการเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในอินเดีย ซึ่ง Bloomberg คาดการณ์ไว้ว่าปีนี้จะเติบโตได้กว่า 17%" นายนาวินกล่าว สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนที่มีการจ่ายปันผลในครั้งนี้ ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ในระยะยาว โดยกองทุน K-USA มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 12.57% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 7.79% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 21.23% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 12.41% ด้านกองทุน K-INDIA มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ -0.67% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ -3.57% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 11.2% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 8.84% ด้านกองทุน K-EUROPE มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 8.96% เปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 11.63% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 22.33% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 20.9% และกองทุน K-GHEALTH ซึ่งเพิ่งจัดตั้งกองทุนได้เพียง 8 เดือน แต่สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 11.73% เปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 14.57% (ที่มา: บลจ.กสิกรไทย, ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2558) ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-USA กองทุน K-EUROPE กองทุน K-INDIA และกองทุน K-GHEALTH สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 02673 3888 กองทุน รอบผลการดำเนินงาน อัตราเงินปันผล (บาท/หน่วย) K-USA 1 พฤษภาคม 2558 - 31 กรกฎาคม 2558 0.25 K-EUROPE 1 สิงหาคม 2557 - 31 กรกฎาคม 2558 0.25 K-INDIA 1 กุมภาพันธ์ 2558 - 31 กรกฎาคม 2558 0.20 K-GHEALTH 26 พฤศจิกายน 2557 - 31 กรกฎาคม 2558 0.20 *คิดจาก NAV วันที่ 31 ก.ค. 58

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ