กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ มองแนวโน้มธุรกิจอสังหายังไปได้สวย หลังกวาดยอดขายคอนโดไปแล้วเกือบ 100% ตั้งเป้าเปิดอีก 6 โครงการ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท
- วางแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยยังเน้นทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียมเป็นสินค้าหลัก -
พลัส ฟันธงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังสดใส แต่ต้องอยู่บนปัจจัยในเรื่องทำเลและราคาเป็นหลัก เชื่อระบบขนส่งมวลชน ยังคงเป็นปัจจัยในการชี้ทิศทางการเติบโตของทำเลอยู่อาศัยใหม่ที่พร้อมจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐ พร้อมวางกลยุทธ์เดินหน้าเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์แบรนด์พลัส ซิตี้พาร์ค และคอนโดมิเนียมระดับกลางในรูปแบบแนวคิดใหม่ที่เน้นความเป็นชุมชนที่มากด้วยคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่อง หลังไตรมาส 3 มีคอนโดเหลือขายรวมเพียง แค่ 10 ยูนิต จาก 900 ยูนิต
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบสนองชีวิตของคนยุคปัจจุบัน เปิดเผยว่า แม้ว่าหลายฝ่ายจะออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาภาพรวมการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น แต่อีกมุมมองหนึ่งในฐานะผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าภาพรวมในปี 48 และเชื่อมต่อถึงปี 49 จะยังคงเป็นไปในด้านบวก ล่าสุดสามารถปิดยอดขายคอนโดมิเนียมได้อีก 1 โครงการ คือ เดอะ โฟตี้ไนน์ พลัส 2 มั่นใจในไตรมาส 4 สามารถปิดได้อีก 2 โครงการแน่นอน คือ สุขุมวิทพลัส และสาธร พลัส ออนเดอะพอนด์ ยืนยันหากผู้ประกอบการจับจุดถูกและพัฒนาโครงการบนพื้นฐานข้อมูลด้านการตลาดที่แม่นยำ มีการเลือกทำเลที่ตั้งของโครงการที่ดี พร้อมกำหนดราคาขายที่เหมาะสม การพัฒนาโครงการยังคงสดใสแน่นอน
ในส่วนของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ก็ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าทยอยเปิดอีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท เริ่มจากในเดือนตุลาคมเปิด พลัส ซิตี้พาร์ค 101/1 และมุ่งทยอยเปิดอีก 5 โครงการ ทั้งทาวน์เฮ้าส์ แบรนด์ “พลัส ซิตี้พาร์ค” และคอนโดมิเนียมระดับกลาง ซึ่งจะฉีกรูปแบบไปจากโครงการที่พัฒนาก่อนหน้านี้ และเชื่อว่าคอนโดมิเนียมในรูปแบบดังกล่าว จะสามารถตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัยของยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัวที่สุด
“ใน 8 เดือน ที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จมากจากการขายโครงการทั้งทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียม เห็นได้จากคอนโดของเราปีนี้ 900 ยูนิต เหลือขายอีกเพียงแค่ 10 ยูนิตเท่านั้น และสามารถโอนได้แล้วกว่า 80% เช่น พลัส 38,พลัส 67 โอนหมดแล้ว และจัดงานขึ้นบ้านใหม่ให้กับลูกบ้านเรียบร้อย ส่วนโครงการ 49 พลัส นั้นโอนไปแล้วกว่าครึ่ง ส่วนทาวน์เฮ้าส์โครงการที่ปิดการขายไปแล้วคือ พลัส ซิตี้พาร์ค เกษตร-นวมินทร์ และโครงการที่กำลังเปิดขายอยู่ เช่น พลัส ซิตี้พาร์ค ลาดพร้าว 71 , พลัส ซิตี้พาร์ค พระราม9-หัวหมาก และพลัส ซิตี้พาร์ค เอกมัย-รามอินทรา มียอดขายเข้ามาทุกวัน ดังนั้น เราจึงได้นำกลยุทธ์การพัฒนาโครงการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในปี 49 อย่างต่อเนื่อง และคงต้องรอบคอบยิ่งขึ้น เพราะภาพรวมปัจจัยภายนอกที่เข้ามามีอิทธิพล อาทิ ปัจจัยเรื่องค่าวัสดุ ค่าก่อสร้าง ค่าแรง และอื่นๆ ซึ่ง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เองได้มีการวางยุทธศาสตร์ในการรองรับปัญหาดังกล่าวไว้อย่างดี โดยเรามีแผนการรองรับในระยะยาว เพื่อให้ลูกค้าของเรามั่นใจในตัวบริษัทฯ และโครงการ ซึ่งที่ผ่านมาเราสามารถขายโครงการได้อย่างต่อเนื่อง และทยอยโอนให้แก่ลูกค้าตามกำหนด ส่งผลให้จำนวนยูนิตรวมทั้งหมดของบริษัทฯ เหลืออยู่น้อย และในช่วงปลายปี เราจะเริ่มเปิดตัวโครงการของเราเองอย่างต่อเนื่อง โดยจะยังเน้นพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียมเป็นหลัก” ประธานอำนวยการ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ กล่าว
เกี่ยวกับความเห็นเรื่องอิทธิพลของระบบคมนาคมมีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้ามากหรือไม่นั้น นายเมธา กล่าวว่า “ในปัจจุบันระบบคมนาคมถือเป็นปัจจัยหลักที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญ ดังจะเป็นได้ว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์แบรนด์ต่างๆ ล้วนแต่สร้างโครงการตามแนวระบบคมนาคมเป็นหลัก และจากการขยายระบบคมนาคมของรัฐส่งผลให้ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ กระจายตัวตามไปด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะประชาชนจะได้มีโอกาสเลือกโครงการในทำเลต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น”
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย ทุนจดทะเบียน (ชำระแล้ว) 600 ล้านบาท ให้บริการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บริหารงานขายโครงการอสังหาริมทรัพย์, ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์, การบริหารอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย และให้บริการเป็นตัวแทนนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาเองทั้งสิ้น 14 โครงการ และโครงการที่รับบริหาร (Property Management) รวมกว่า 90 โครงการ ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--