กรุงเทพ--2 ต.ค.--สำนักงานเขตกรุงเทพ
ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานครวันที่ 1 ต.ค. 40 เวลา 10.00 น. ได้มีการประชุมสภาฯ สมัยประชุมสามัญสมัยที่ 4 ครั้งที่ 1 โดยการประชุมในวันนี้ นายอรรถ แพทยังกุล สมาชิกสภากทม. เขตสวนหลวง ได้เสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้กรุงเทพมหานครยกเลิกหนังสือสั่งการ ที่ กท 0305/1532 ลงวันที่ 13 กันยายน 2540 เรื่องการบริหารงบประมาณรายจ่าย ประเภทงบลงทุนปีงบประมาณ 2541 ทั้งนี้เนื่องจากหนังสื่อสั่งการดังกล่าวมีใจความเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณปี 41 ที่สภากทม. ได้พิจารณาเห็นชอบไปแล้ว และยังเป็นการปรับลดโดยมิได้อาศัยอำนาจข้อบังคับ หรืออ้างอำนาจของผู้ว่าฯ กทม.เกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวแต่ประการใด แต่มีการคาดว่าสถานการณ์ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ จะเป็นสาเหตุให้กรุงเทพมหานครไม่สามารถจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามที่ประมาณการไว้ ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาการบริหารงบประมาณจึงกำหนดแนวทางการบริหารงบประมาณรายจ่ายประเภทงบลงทุน เพื่อเตรียมแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
นายอรรถ กล่าวต่อไปว่า สภากทม. มิได้คัดค้านการปรับลดงบฯ ดังกล่าว แต่ขอให้มีการหารือร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหาร และฝ่ายสภากทม. ก่อน เพื่อมิให้เป็นการริดรอนอำนาจสภากทม. และฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับงบประมาณ
ด้านนายสุธรรม นทีทอง สมาชิกสภากทม.เขตบางรัก กล่าวด้วยว่า ในการพิจารณางบฯ ปี 41 ของสภากทม. เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา สมาชิกสภา กทม. ได้มีการอภิปรายเรื่อง วงเงินที่ฝ่ายบริหารตั้งมา จำนวน 26,400.- ล้านบาท โดยเป็นห่วงว่าในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้จะไม่สามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่ กทม. ได้ตั้งงบฯ รายรับและรายจ่ายเป็นงบฯ สมดุลย์ ซึ่งในการพิจารณาของสภาในวันดังกล่าว ถ้าฝ่ายบริหารจะปรับลดตัวเลขงบประมาณก็สามารถดำเนินการได้ โดยการแปรญัตติ ปรับปรุงงบฯ ตามกระทรวงการของกฎหมายเกี่ยวกับการงบประมาณ แต่เมื่อออกเป็นข้อบัญญัติงบฯ รายจ่ายแล้วถือว่าเป็นกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ การจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงงบประมาณจะทำได้เฉพาะรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามข้อบัญญัติวิธีการงบประมาณเท่านั้น
รศ.ญาณเดช ทองสิมา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ชี้แจงว่า การออกหนังสือฯ ดังกล่าวเป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับการบริหารงบฯ 41 ให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ เพราะมีหลายโครงการที่รัฐบาลได้อนุมัติให้กทม. เป็นผู้ดำเนินการโดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ ซึ่งโครงการเหล่านี้ได้มีการเซ็นสัญญาแล้ว แต่กทม. กำลังรอเรื่องงบฯ อุดหนุนจากรัฐบาล ประกอบกับ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่สำคัญ หากขาดงบสนับสนุนจะทำให้มีผลกระทบต่อการบริหารของกทม. นอกจากนี้ยังมีอีก 11 โครงการที่งบฯ ผ่านความเห็นชอบของสภากทม. แล้ว แต่ทางรัฐบาลยังไม่อนุมัติ จึงทำให้กทม. มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการบริหารงบฯ อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาได้มีการหารือเรื่องการพัฒนาการจัดเก็บรายได้ในทุกวิถีทางแล้ว แต่ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้ดัชนีวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น และอัตราต้นทุนดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้นมากซึ่งหากราคาค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นถึง 30% โดยที่กทม.ไม่เริ่มศึกษาสำรวจ หาข้อมูลที่ถูกต้อง และดำเนินการจัดสรรเงินให้เป็นปกติแล้ว เกรงว่าโครงการต่าง ๆ จะไม่สามารถสรรหาผู้รับเหมาได้ การใช้งบฯ ก็จะประสบปัญหาต่อไป ในการนี้ผู้ว่าฯ กทม. ได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องกับการบริหารการเงินการคลังแล้ว และเห็นว่ากทม. ต้องระมัดระวังและรอบคอบในการใช้งบฯ ตั้งแต่ต้นปีจึงได้มีการมอบหมายให้นายอนุชิต โสตสถิตย์ รองปลัดกทม. และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นว่างบฯ ที่สภา กทม. อนุมัติแล้ว หากเกิดกรณีจำเป็นจริง ๆ มีโครงการใดบ้างที่พอจะชะลอไว้ได้เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับทุกโครงการ (ยกเว้นเงินเดือนและค่าจ้าง) อย่างไรก็ตาม ถ้าในกลางปี 41 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น และรัฐบาลมีปัญหาทางการเงินโดยตัดทอนงบฯ ลง จนไม่สามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้รับเหมาได้ กทม.ก็จะเสียหาย ดังนั้น หากต้องดำเนินการปรับลดงบฯ จริง กทม.จะนำเงินสะสม เงินฯ งบกลาง และเงินเหลื่อมปีไปหนุนโครงการต่าง ๆ ก่อน แต่ถ้ายังไม่เพียงพอ การพิจารณาปรับลดจะต้องมีการหารือร่วมกับสภากทม.ด้วย
สำหรับญัตติด่วนของนายอรรถ แพทยังกุล สภากทม. ได้มีมติเห็นชอบ และจะมีการนำเสนอฝ่ายบริหารต่อไป--จบ--