กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--Worklink PR
SMART งัดกลยุทธ์ลดต้นทุน อัพมาร์จิ้น ปรับตัวตามภาคการก่อสร้างชะลอตัว ลุยเจาะตลาด CLMV ล่าสุดประเดิมขยายช่องทางจำหน่ายที่ลาว ส่งสินค้าผ่านดีลเลอร์ หนุนรายได้พุ่ง ปักธงรักษาเป้ารายได้ปี 58 โตใกล้เคียงปีก่อน ที่ทำไว้ 409 ล้านบาท แม้ผลงานไตรมาส 2/58 หดตัว
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างโดยรวมในปัจจุบันมีแนวโน้มชะลอตัว ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการแต่ละรายมีการปรับตัวทางธุรกิจกันมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับ SMART ที่ปัจจุบันบริษัทมีการศึกษาแนวทางการลดต้นทุน ทั้งด้านกระบวนการผลิต และด้านวัตถุดิบ เพื่อให้สามารถเพิ่มอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่สูงได้ในสภาวะการณ์เช่นนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการศึกษาตลาดออกไปในกลุ่มประเทศ CLMV (ประเทศพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา) มากขึ้น เนื่องจากงานก่อสร้างมีการขยายตัวสูง ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ประเดิมเข้าไปทำตลาดในประเทศลาวเป็นอันดับแรก โดยวางแผนนำสินค้าเข้าไปผ่านดีลเลอร์ในพื้นที่ เพื่อทำการจำหน่ายสินค้าต่อไป ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางของรายได้ให้มากขึ้น
“แม้ตลาดจะมีการชะลอตัวในปี 2558 แต่เราคาดว่ายังสามารถรักษาเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ในระดับใกล้เคียงกับรายได้รวมในปี 2557 ที่ทำไว้ 409 ล้านบาท ซึ่งนับว่ายังคงรักษาระดับการเติบโตที่ดีในภาวะเช่นนี้ อย่างไรก็ตามคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 ทิศทางภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศ มีแนวโน้มค่อยๆปรับตัวดีขึ้น ตามการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และคาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตามไปด้วย”นายรังสีกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 2/2558 ที่ออกมานั้น บริษัทยอมรับว่าปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยรายได้รวมของงวดผลประกอบการไตรมาส 2 /2558 อยู่ที่ 83.32 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.31 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 3.87 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา อีกทั้งราคาขายในตลาดปรับตัวลดลงจากการชะลอตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง นอกจากนั้นยังเกิดจากปัจจัยโดยภาพรวมของประเทศที่ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้กำลังซื้อวัสดุก่อสร้างหดตัว