กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
DRT โชว์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/58 เติบโตเกินคาด ทำกำไรสุทธิ 109.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.50% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา หลังประสบความสำเร็จด้านการทำตลาด CLMV และมีศักยภาพการทำตลาดจากแบรนด์สินค้าที่ดีมีความแข็งแกร่ง หนุนภาพรวมรายได้ครึ่งปีแรกทำได้ 2,316.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านผู้บริหารมองภาพรวมครึ่งปีหลังมีสัญญาณเชิงบวก หลังภัยแล้งคลี่คลาย ช่วยกำลังซื้อมีแนวโน้มฟื้นตัวแถมภาครัฐใส่เงินกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยปลุกความเชื่อมั่นกล้าใช้จ่ายเงินซื้อสินค้ามากขึ้น
นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา และบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ 'ตราเพชร'เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/58 (เมษายน-มิถุนายน) สามารถทำให้เติบโตเกินคาดหมาย โดยเฉพาะตัวเลขกำไรสุทธิที่ทำได้ 109.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.50% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 95.39ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 5.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการด้านช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความหลากหลายของสินค้าตราเพชรที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จการทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ส่งผลให้ไตรมาสที่ 2 ปีนี้สามารถทำรายได้รวม 1,136.93 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมรายได้รวมงวด 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้ ทำได้ 2,316.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,311.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 204.61 ล้านบาท
"บริษัทฯ พอใจกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่สามารถผลักดันการเติบโตของกำไรสุทธิได้ดี เนื่องจากโดยปกติผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 จะต่ำกว่าในไตรมาส 1 แต่ปีนี้ บริษัทฯ มีการปรับแผน กลยุทธ์ให้มีความยืดหยุ่น ทั้งด้านการตลาด การสร้างแบรนด์สินค้าและการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาส 2 ปีนี้มีการเติบโตเป็นไปอย่างดี แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในช่วงชะลอตัวจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นและมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถทำรายได้ให้เติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 4% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมุ่งรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรไว้ที่ 80% ของกำลังการผลิตรวมที่มี 982,000 ตัน เพื่อผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของตลาด" นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ แผนงานในครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังให้น้ำหนักการทำตลาดต่างประเทศในกลุ่ม CLMV ที่ยังมีความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้สัดส่วนยอดขายตลาดส่งออกจะเพิ่มเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น บริษัทฯ ยังมุ่งการบริหารจัดการด้านการขายสินค้าในรูปแบบ Product Mix เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี รวมถึงการทำกิจกรรมด้านการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มองตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนกล้าจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งที่คลี่คลายไปในทางที่ดี ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้น พร้อมใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างไปปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ทำให้ตลาดวัสดุก่อสร้างในกลุ่มซ่อมแซมจะกลับมาคึกคักมากขึ้น จึงมั่นใจว่าภาพรวมรายได้ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้