กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--IR network
กูรูหุ้นเชียร์ซื้อหุ้น บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) รับอานิสงส์ภาครัฐรับซื้อไฟฟ้าจาก บ.ลูก "ปัตตานี กรีน" อีก 21 เมกะวัตต์ แนวโน้มรายได้-กำไรโตแบบก้าวกระโดด ด้านผู้บริหาร "เชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล" ย้ำเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30-40% ส่วนปี 60 มีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ ปี 62-63 กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 200 เมกะวัตต์
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นของ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) โดยระบุว่าบริษัท ปัตตานี กรีน จำกัด (PTG) ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือของ TPCH ( TPCH ถือหุ้นอยู่คิดเป็นสัดส่วน 65%) ได้รับการตอบรับซื้อไฟฟ้าชีวมวลอีก 21 เมกะวัตต์ หลังที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมาตรการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RE) เห็นชอบให้มีการตอบรับซื้อไฟฟ้าประเภท SPP ในระบบ Adder รวม 8 โครงการ 163 เมกะวัตต์ ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ TPCH โดยโครงการดังกล่าวมีปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 21 เมกะวัตต์ ใช้ไม้ยางพาราเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต และมี กฟผ. เป็นผู้รับซื้อทั้งหมด ซึ่งจะมีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ทำให้เป้าหมายการเติบโตระยะยาวยังสอดคล้องกับประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ได้รวมโครงการ PTG เข้าไปในประมาณการแล้ว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการเชื่อว่าในไตรมาส 2/2558 จะฟื้นตัวได้เล็กน้อย เนื่องจากไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายเงินสะสมกองทุนย้อนหลังเหมือนที่เกิดขึ้นในงวดไตรมาส 1/2558 และคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังตามการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าแม่วงศ์ (MWE) และโรงไฟฟ้ามหาชัย (MPG) ที่จะทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ซึ่งโดยรวมแล้ว จึงทำให้ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 ที่ 62 ล้านบาท เติบโต 1.1 เท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นจึงแนะนำซื้อหุ้น TPCH
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการของ TPCH จะอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2558 เป็นต้นไป โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/2558 จะอยู่ที่ 5 ล้านบาท ลดลง 47% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นถึง 256% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็น เพราะมีการปิดปรับปรุงโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรก (โครงการ CRB ขนาด 9.2 MW) เพียงแค่สองวัน จากแปดวันในไตรมาสที่ 1/2558 ดังนั้นจึงคาดว่าปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตจากโครงการ CRB จะเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสที่ผ่านมา จาก 17.4 ล้านหน่วยเป็น 18.7 ล้านหน่วย ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของโครงการ CRB เพิ่มขึ้นอีก 6% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 62 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม อัตราการซื้อไฟฟ้ากลับลดลงจากหน่วยละ 3.40 บาท เหลือหน่วยละ 3.30 บาทในไตรมาสที่ 2/2558 เนื่องจากมีการปรับค่า Ft ในเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2558 ลดลงหน่วยละ 0.10 บาท ตามแนวโน้มการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติในประเทศ แต่ TPCH ยืนยันเป้าหมายที่จะประมูล PPAs โรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 50 เมกะวัตต์ ภายใต้ระบบ FiT ซึ่งจะเริ่มเริ่มประมูลในเดือนกรกฎาคม 2558 โดยตลาดคาดว่ารัฐบาลจะเปิดประมูลโควตาล็อตแรกประมาณ 800 เมกะวัตต์ ทั้งนี้กำหนดเวลาในการยื่นคำขอจะอยู่
ในช่วงวันที่ 19-30 ตุลาคม 2558 ซึ่งจะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านข้อกำหนดทางเทคนิคในเดือนพฤศจิกายน และน่าจะสามารถประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลได้ในเดือนธันวาคม 2558 ทั้งนี้ผู้บริหารของ TPCH กำหนด internal rate of return (IRR) สำหรับแต่ละโครงการเอาไว้ที่อย่างน้อย 15% ดังนั้นจึงยังคงแนะนำให้ซื้อ TPCH จากแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งถึง 164% CAGR (2557-2560)
นอกจากนี้ ยังคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3/2558 จะเติบโตได้ต่อเนื่องจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ MWE ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่สองของบริษัทขนาด 8 เมกะวัตต์ ส่วนในไตรมาสที่ 4/2558 นั้น กำไรก็น่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากกำหนดการเปิดดำเนินการโครงการ MGP ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่สามขนาด 8 เมกะวัตต์ จึงยังคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 28 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF และใช้WACC ที่ 5.6%-5.8%
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่าผลประกอบการทั้งปีนี้คาดว่าจะออกมาตามที่ตั้งเป้าหมายไว้คือเติบโต 30-40% จากปีก่อนที่ทำได้ 258.26 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมั่นใจว่าจะได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในปี 2558 เพิ่มจำนวน 30-50 เมกะวัตต์ ปี 2560 จะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ และในปี 2562-2563 จะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 200 เมกะวัตต์อย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ในระยะ 3 ปีครึ่ง ดังนั้นจะส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด