กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว
พล.ต.ต. ศุภพล อรุณสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ตำรวจท่องเที่ยวในฐานะผู้ดูแลสวัสดิภาพนักท่องเที่ยวไม่หมดกำลังใจ ย้ำลุยทำงานต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่องภาย หลังกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงาน การจัดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking In Persons (TIP) Report) ประจำปี 2558 โดยยังคงจัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นปีที่ 2 คือ Tier 3 หมายถึง ประเทศที่มีปัญหามาก แต่ไม่ดำเนินการแก้ปัญหา หรือไม่มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังซึ่งยังขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาหน่วย งานของเราได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ผ่านโครงการต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจึงต้องเพิ่มยุทธศาสตร์ในการรณรงค์เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ด้านการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่เข้ามามีส่วนในการสนับสนุนวงจรการค้ามนุษย์ เช่น การสนับสนุนขอทานด้วยความสงสารหรือการใช้บริการการค้าประเวณีจึงได้จัด ทำ "โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในด้านการท่อง เที่ยวของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว"เพื่อรณรงค์ป้องกันการค้ามนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
พล.ต.ต. ศุภพล อรุณสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่าต่อไปว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่สวยที่สุด ช็อปปิ้งสนุกที่สุด ผู้คนน่ารักที่สุด ดีที่สุดในทุกเรื่องอยู่แล้ว เหลืออย่างเดียวเท่านั้นคือเรื่องความปลอดภัย ฉะนั้นภารกิจแรกของผมคือการทำให้ประเทศไทยปลอดภัยที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะปลอดภัยได้ก็อาศัยปัจจัยหลายส่วนด้วยกัน
ส่วนแรกเป็นส่วนของผู้ประกอบการโรงแรม บริษัทนำเที่ยว ตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ ร้านค้าต่างๆ ที่เราต้องเข้าไปอบรมให้เป็นอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ต้องทำให้เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งให้ได้ เพื่อคอยเป็นหูเป็นตาแจ้งเหตุ เพราะบุคคลเหล่านี้อยู่ใกล้ชิดนักท่องเที่ยวมากที่สุด นักท่องเที่ยวเองก็ต้องรู้จักการประพฤติตัวที่เหมาะสมขณะอยู่ประเทศไทยซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะปฏิเสธ
ไม่ได้ว่าหลายครั้งเหตุเกิดจากนักท่องเที่ยวไม่เข้าใจการปฏิบัติตัวขณะอยู่เมืองไทย เนื่องจากนัก ท่องเที่ยวส่วนมากมักรู้สึกว่าประเทศไทยมีความปลอดภัยสูงมาก จึงไม่ค่อยระมัดระวังตัวในขณะอยู่ในประเทศไทย เช่น การเดินในทางเปลี่ยวในเวลากลางคืน วางกระเป๋าและของมีค่าทิ้งไว้บนชาย หาดขณะลงเล่นทะเล การไว้ใจคนแปลกหน้าหรือใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยมากเกินไป ซึ่งทำให้เป็นการสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อตนเอง ดังนั้นเราต้องสื่อสารให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรขณะอยู่ในเมืองไทยซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ที่ผ่านมาเราอาจสื่อสารกับนักท่องเที่ยวไม่เพียงพอ โดยต่อไปวิธีการสื่อสารหลักๆจะเป็นการใช้สื่อ online ซึ่งเข้าถึงนักท่องเที่ยวมากที่สุดผ่านเว็ปไซต์ต่างๆที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้าไปหาข้อมูลในการมาเที่ยวเมืองไทย และในรูปแบบของการแจ้งเตือนเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวประพฤติตัวสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเหตุ โดยในส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวพื้นที่และอาสาสมัครตำรวจท่อง เที่ยวซึ่งจะคอยดูแล แจ้งเตือน ทั้งทางวาจาและการให้โบรชัวร์ที่บอกถึงการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมและปลอดภัยขณะพำนักอยู่ในประเทศไทย
สำหรับด้านการค้ามนุษย์ จากนี้ไปตำรวจท่องเที่ยวจะรับหน้าที่หลักเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในเชิงท่องเที่ยวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันและการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวให้เที่ยวอย่างมีจริยธรรมต่อไป
งานรณรงค์ในวันนี้ถือเป็นการนำร่องการสื่อสารในรูปแบบอื่นๆที่จะครอบคลุมมากขึ้น ส่วนในเรื่องของการปราบปรามที่ปกติเราทำอยู่แล้วนั้น ตอนนี้ได้สั่งให้เข้มงวดขึ้น ถี่ขึ้น สร้างเครือข่ายที่จะคอยเป็นหูเป็นตาให้กับเรามากขึ้น และเรายังมีบริการสายด่วนตำรวจท่องเที่ยวซึ่งมีบริการล่ามแปล ภาษาถึง 5 ภาษา เพื่อรองรับการแจ้งเหตุและการดูแลนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติต่างภาษาได้ดีที่สุด
อย่างไรก็ดี ปัญหาการค้ามนุษย์มิใช่ปัญหาที่สามารถขจัดให้หมดสิ้นได้ภายในช่วงระยะเวลาอันสั้นเนื่องจากเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับบางปัญหาที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวตระหนักอย่างยิ่งถึงข้อเท็จจริงนี้ จึงมีความมุ่งมั่นในการวางแผนป้องกันและแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นในด้านการสร้างจิตสำนึก ป้องกัน และปราบปราม หากพบเหตุแจ้งสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือ www.touristpolice.go.th