กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--PR STORY
ละมุน เบบี้ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค สำหรับแม่และเด็ก ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Lifestyle Organic Baby and Mother Care Products ร่วมมือแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำ Kloset สร้างสรรค์ผ้าคลุมให้นมบุตรคอลเลคชั่นพิเศษ “Mommynista” เพื่อคุณแม่รุ่นใหม่ได้บ่งบอกความเป็นตัวเอง ระบุกลยุทธ์การตลาดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เน้นบอกต่อ ผ่าน Digital Marketing ช่วยทำให้แบรนด์ละมุน เข้าถึงคุณแม่ที่มองหาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติปราศจากสารเคมี สำหรับลูกน้อย ตั้งเป้าหมายเติบโตไม่น้อยกว่า 20%ต่อปี
คุณเนตรนพิศ รุ่งธนเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ละมุน เบบี้ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย “ละมุน” ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค สำหรับแม่และเด็ก กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ละมุนออร์แกนิค คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมออร์แกนิคจากธรรมชาติ 100% มีเอนไซม์จากผลไม้นำมาทำเป็นส่วนผสมแทนการใช้สารเคมี และผลไม้ดังกล่าวจะทำการเพาะปลูกบนพื้นดินที่ปราศจากสารเคมีมานานกว่า 3 ปีขึ้นไป สร้างความแตกต่างทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้า ตอบโจทย์ของพ่อแม่รุ่นใหม่ที่ต้องการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบ พร้อมทั้งยังสามารถปกป้องผิวที่บอบบางของลูกได้อย่างดี ผลิตภัณฑ์จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับแม่ 25% ได้แก่ ครีมป้องกันท้องแตกลายออร์แกนิค, ที่ประคบหน้าอกออร์แกนิค, บาล์มทาหัวนมและริมฝีปาก, ผ้าคลุมให้นม และ กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก 75% ได้แก่ โฟม เจลอาบน้ำสระผมออร์แกนิค, โลชั่นออร์แกนิค, ยาสีฟันออร์แกนิค, แป้งเด็กออร์แกนิค, กระดาษเช็ดทำความสะอาดผิวเด็กแบบเปียกออร์แกนิค, น้ำยาซักผ้าออร์แกนิค, น้ำยาล้างขวดนมออร์แกนิค, น้ำยาทำความสะอาดของใช้ออร์แกนิค, น้ำยาเช็ดพื้นออร์แกนิค ส่งผลให้ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ทั้งสิ้น 18 ชนิด ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายในปีหน้าจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3-4 รายการ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า รวมถึงยังเป็นการรักษาอัตราการเติบโตให้กับบริษัทฯ ซึ่งตั้งเป้าอัตราการเติบโต 15-20% ต่อปี ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้ทั้งสิ้น 20 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำ Kloset สร้างสรรค์ผ้าคลุมให้นมบุตรคอลเลคชั่นพิเศษ “Mommynista” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้าน Lifestyle Organic Baby and Mother Care Products รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ของลูกค้าละมุน นอกจากจะเป็นคุณแม่ที่ใส่ใจในทุกๆรายละเอียดที่เกี่ยวกับลูกแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง พร้อมทั้งต้องการบ่งบอกความเป็นตัวตนผ่านทาง Lifestyle สำหรับผ้าคลุมให้นมบุตรคอลเลคชั่นนี้ ราคาจำหน่ายผืนละ 2,150 บาท ซึ่งคุณแก้ม มลลิกา เรืองกฤตยา ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์Kloset ได้ออกแบบลายพิเศษ 2 ลาย คือ ลาย “Forever Mine” ถ่ายทอดถึงความรักที่ผลิบานในใจ โดยใช้ดอกทิวลิปสัญลักษณ์แห่งรักแท้และความเป็นนิรันดร์ มาดัดแปลงเป็นเทคนิคบนผืนผ้า เพื่อสื่อถึงความรักอันไม่มีวันสูญสลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เนื้อผ้าที่มีเท็กซ์เจอร์เสมือนกระดาษสีน้ำพิมพ์ลายภาพแบบดรอว์อิ้ง (Drawing) และลาย “Summer fling” ถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางในฤดูร้อน มีจุดหมายปลายทางคือฤดูร้อนในประเทศเคนย่า ซึ่งฤดูกาลนี้จะแฝงไว้ด้วยความสดใส สนุกสนาน สีสันและลวดลายจึงเต็มไปด้วยสีสันแห่งธรรมชาติที่อบอุ่นสบายตา โดยลายฝูงนกฟลามิงโกที่นำมาสรรสร้างเป็นผ้าคลุมให้นมบุตรละมุน จะถ่ายทอดเรื่องราวช่วงเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลอันนำมาซึ่งการเดินทางและการเปลี่ยนแปลง การออกแบบตัดเย็บจะมีความแตกต่างจากผ้าคลุมให้นมแบบเดิมของละมุน โดยสไตล์และแพทเทิร์นเป็นลักษณะ Poncho เพื่อเพิ่มความเป็นแฟชั่นลงไป ให้ลูกค้าสามารถสวมใส่ไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้
คุณเนตรนพิศ กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลยุทธ์การตลาดของบริษัทฯ เน้นการทำตลาดแบบบอกต่อ ระหว่างกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ละมุน ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคแท้ 100% โดยเน้นที่ Digital Marketing เป็นหลัก รวมถึงการที่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์โดยตรง แชร์ภาพพร้อมทั้งเรื่องราวประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ละมุน ผ่านทาง Social Media ส่งผลให้ผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับแม่และเด็กสนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ถือเป็นจุดแข็งสำคัญในการทำตลาดของบริษัทฯ โดยผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์จะทำการสั่งซื้อสินค้า ผ่านทางเว็บไซต์ www.lamoonbaby.com และช่องทางจำหน่ายดังกล่าวยังเป็นช่องทางหลักของบริษัทฯ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัดอีกด้วย
ส่วนอีกช่องทางคือ วางจำหน่ายในแผนก Kids' Planet ศูนย์การค้าสยามพารากอน ดิ เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ แผนกของใช้เด็ก ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล วิลล่า มาร์เก็ต ร้านเลมอนฟาร์ม ร้านตัวแทนจำหน่ายสินค้าแม่และเด็ก เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ละมุนมากกว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศ ส่วนในอนาคต บริษัทฯ วางแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ละมุน ออร์แกนิค “ในส่วนแผนการตลาดต่างประเทศนั้น ขณะนี้ทางบริษัทฯได้เริ่มส่งออกไปยังประเทศสิงคโปร์ ซาอุดิอาระเบียแล้ว แม้เป็นช่วงเริ่มต้น แต่ค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดี ในอนาคตบริษัทฯ ตั้งเป้าในการขยายการส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเน้นประเทศในกลุ่ม AEC และ ในทวีปเอเซียก่อน ซึ่งจะมีพฤติกรรมการเลือกใช้สินค้าค่อนข้างใกล้เคียงกัน”