กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเร่งเพิ่มประสิทธิภาพให้เอสเอ็มอี ส่งโปรแกรมอีอาร์พี ฟรี ให้ผู้ประกอบการใช้งาน หวังยกระดับการแข่งขัน ประเดิมปีแรก 100 ราย บริหารงาน ผ่านออนไลน์ได้ทันที มธ.ยันปรับซอฟต์แวร์เข้ากับรายเล็กแล้ว ซีเอส ล็อกซอินโฟ พร้อมวางระบบคลาวด์เต็มรูปแบบ
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม หรือ กสอ. เปิดเผยว่า จากการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยเพิ่มศักยภาพทางด้านการแข่งขันด้วยการนำระบบไอทีมาใช้ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP เป็นชุดโปรแกรมเบื้องต้นที่จะทำให้ภาคธุรกิจสามารถทำงานอย่างเป็นระบบและยกระดับการพัฒนาได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากที่ผ่านมาระบบนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงทำให้มีเพียงบริษัทใหญ่ๆ ที่มีต้นทุนการดำเนินการสูงเท่านั้นที่จะยอมลงทุน แต่ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจ SMEs กลับต้องเลือกใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะด้านขนาดเล็ก ดังนั้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงได้จัดตั้งโครงการ "ดิจิทัลเอสเอ็มอี (Digital SMEs)" ขึ้น โดยมีระบบ ERP ให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กได้ใช้งานโดยไม่คิดมูลค่าในปีแรก
โครงการระบบซอฟต์แวร์ ERP by DIP สำหรับ SMEs ไทย นั้นทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะร่วมมือ กับวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะรับผิดชอบด้านการบริหารโครงการ การจัดหาซอฟต์แวร์ ERP ที่เหมาะสมมาปรับแต่งให้เข้ากับธุรกิจ SMEs ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจปกติ รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง จัดอบรมผู้ประกอบการ และอื่นๆ โดยมี บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ดูแลทางด้านการเป็นศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือ Data Center จัดระบบให้ซอฟต์แวร์ ERP นี้เข้าสู่ระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่จะทำให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าใช้งานซอฟต์แวร์โดยไม่ต้องติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ ลงโปรแกรม และดูแลอุปกรณ์เครือข่ายเอง โดยในปีแรก จะใช้งบประมาณสนับสนุนประมาณ 5 ล้านบาท
ระบบซอฟต์แวร์ ERP by DIP สำหรับ SMEs ไทย ที่จะให้กลุ่ม SMEs เข้ามาใช้ฟรีในโครงการนี้จะประกอบด้วย ระบบการซื้อ-ขาย, ระบบงานผลิตสินค้า, ระบบบัญชี, ระบบการจ่ายชำระ รวมถึงระบบการจัดเก็บเอกสาร เป็นภาพรวมระบบ ที่ใช้ในการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรโดยรวมหรืออีกนัยหนึ่ง คือช่วยการบริหารเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดของทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรผ่านการบูรณาการ (Integrate) เข้าด้วยกันและสามารถเชื่อมโยง ณ เวลานั้นทันที (Real Time) ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งแต่ละ SMEs สามารถเลือกใช้ระบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของธุรกิจตนเองในขณะนั้นได้ ซึ่งเมื่อธุรกิจได้ทดลองใช้ซอฟต์แวร์ในโครงการแล้วต้องการจะเข้าสู่ระบบ ERP แบบเต็มที่มีจำหน่ายในตลาดปัจจุบันก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากโครงการไปใช้งานได้ทันที เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดจะถูกออกแบบมาให้เป็นระบบเปิดสามารถใช้งานกับโปรแกรมทั่วไปได้ทันที
โครงการนี้จะช่วยให้ SMEs ไทยสามารถใช้ระบบไอทีมาใช้งาน โดยเสียค่าใช้จ่ายที่ยอมรับได้ โดยประหยัดต้นทุนในการลงทุนซื้อซอฟต์แวร์ระบบ ERP มาใช้งานได้เฉลี่ยรายละ 30,000 บาท ซึ่งในปีนี้ได้ส่งเสริม SMEs ใช้ระบบซอฟต์แวร์ ERP by DIP สำหรับ SMEs ไทย จำนวน 100 ราย รวมลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ประกอบการ กว่า 60 รายเข้าร่วมในโครงการแล้ว
สำหรับแผนงานในปีต่อไปนั้น ทาง กสอ. ยังจะคงร่วมมือกับพันธมิตรทำโครงการนี้ต่อไป และจะมีการเพิ่มจำนวน SMEs ที่จะเข้ามาใช้งานโปรแกรม ERP เพิ่มมากขึ้นจากปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายที่ 150 ราย และจะยังคงคุณสมบัติการคัดเลือกกิจการแบบเดิมคือ เป็นได้ทั้งโรงงานขนาดเล็กและกิจการทั่วไป แต่จะมีการเพิ่มกิจกรรมพิเศษสำหรับรายที่ต้องการใช้โปรแกรมดังกล่าวในแบบก้าวหน้าและมีการนำโปรแกรมไปปรับแต่งให้เหมาะสมกับกิจการตัวเองมากขึ้น หรือการ Customize โดยจะมีที่ปรึกษามาอบรมและเขียนโปรแกรมในจำนวนชั่วโมงที่ระบุ ซึ่งผู้ที่จะใช้บริการในส่วนนี้อาจเป็นทั้งรายเก่าที่เข้ามาใช้งานในปีนี้หรือรายใหม่เพิ่งจะเข้ามา ซึ่งในรายละเอียด จะมีการประกาศก่อนเริ่มโครงการในปีหน้าต่อไป
ผศ.ดร.จิรพล สังข์โพธิ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและวิจัย วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ในโครงการนี้วิทยาลัยนวัตกรรมได้จัดหาซอฟต์แวร์ ERP ที่เหมาะสมกับกลุ่ม SMEs ขนาดเล็กมาดำเนินการ เนื่องจากกลุ่ม SMEs ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงการใช้งาน ERP ในภาคปกติที่มีราคาแพงได้ และ ERP ในปัจจุบัน ที่ใช้งานบนคลาวด์คอมพิวติ้งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากการเขียนโปรแกรมต้องทำให้เป็นระบบเปิด สามารถโอนถ่ายข้อมูลไปยังระบบอื่นได้ โดยทำงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนั้นสถาปัตยกรรมที่วิทยาลัยนวัตกรรมนำมาใช้จึงต้องสร้างให้ตรงตามมาตรฐาน และต้องออกแบบให้ผู้ที่ไม่เคยใช้ ERP สามารถเข้ามาใช้งานได้ง่ายดายที่สุด ไม่มีความซับซ้อน และต้องหาระบบคลาวด์คอมพิวติ้งที่เชื่อใจได้ มีความเสถียรให้กับผู้ใช้งานมากที่สุด และจะมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวนี้ไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถปรับแต่งเพื่อใช้งานเฉพาะองค์กรได้ในอนาคต
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโครงการนี้ต้องการระบบบริการด้านคลาวด์คอมพิวติ้งแบบครบวงจร โดยที่มีผู้ใช้งานระบบซอฟต์แวร์ตลอด 24x7 หรือตลอดเวลา ถึง 100 ราย และเป็นระบบที่ต้องสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการล่มเนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์ภาคธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการประกอบการโดยตรง ดังนั้น ซีเอส ล็อกซอินโฟ จะใช้ศูนย์ข้อมูล คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 3 แห่งเป็นฐานทั้งที่อาคารไซเบอร์เวิร์ลด, อาคาร CAT Telecom Tower, อาคารเดอะคลาวด์ (The Cloud) ซึ่งมีพื้นที่เกือบ 2,000 ตารางเมตร และยังมีพื้นที่สำนักงานสำรองหากเกิดภาวะวิกฤต (Disaster Recovery site)
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการ"ดิจิทัลเอสเอ็มอี (Digital SMEs)" นี้เป็นการขานรับนโยบาย ยุคดิจิทัลอีโคโน ผ่าน 5 แผนงาน อันได้แก่ 1. ผู้ประกอบการใหม่ด้านดิจิทัล (New Digital Entrepreneur) 2. SMEs อัจฉริยะ (Intelligence SMEs) 3. ดิจิทัลเพื่อวิสาหกิจชุมชน (Digital OTOP) 4. สังคมแห่งการเรียนรู้ด้วยดิจิตอล (Digital Knowledge Society) 5. ที่ปรึกษาธุรกิจโลกไซเบอร์ (Cyber Service Provider) ซึ่งผลการดำเนินงานทั้ง 5 กิจกรรมนี้ สามารถผลักดัน และส่งเสริมให้ SMEs ไทย สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Digital ในการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ การใช้งานซอฟต์แวร์ ERP ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งนั้น จะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) แก้ไขปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น จากค่าแรงงาน วัตถุดิบ ค่าขนส่ง และอื่นๆ รวมทั้งปัญหาพื้นฐานจากการทำงาน อาทิ มีวัตถุดิบไม่พอใช้ในการผลิต ทำการผลิตสินค้าไม่ทันตามกำหนดส่งจำนวนของ สต๊อกสินค้าไม่ถูกต้อง มีการทำงานที่ซ้ำซ้อน ขาดการวางแผนและควบการผลิตที่มีประสิทธิภาพไม่สามารถปิดบัญชีได้เนื่องจากเอกสารไม่ครบ หรือล่าช้า ผู้บริหารได้รับรายงานจำเป็นล่าช้า ไม่ถูกต้อง และไม่ครบถ้วน
ส่วนระบบความปลอดภัยของข้อมูลทางด้านผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งนั้น มีมาตรฐานสากล ISO 9001 เรื่องการจัดการคุณภาพในการให้บริการ พร้อมทั้ง ISO 27001 มาตรฐานเกี่ยวกับระบบบริหารความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล และ ISO20000 มาตรฐานระบบการจัดการบริการด้านไอทีทำให้ผู้ประกอบการสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลของผู้ประกอบการจะไม่สูญหายหรือถูกคัดลอกแต่อย่างใด
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในโครงการ ระบบซอฟต์แวร์ ERP by DIP สำหรับ SMEs ไทย สามารถดูได้ที่ www.erpbydip.com หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-263-8229
นอกจากโครงการ ERP by DIP แล้ว กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีกิจกรรมต่างๆภายใต้โครงการ Digital SMEs ซึ่งช่วยต่อยอดในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งเป็นช่องทางในการสร้างและขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SMEsทั้งยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจ ทั้งข้อมูลนโยบายจากหน่วยงานภาครัฐ องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศและเป็นการยกระดับสินค้าและบริการของธุรกิจ SMEs ให้ก้าวเข้าสู่ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศสามารถเข้าไปดูข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ www.dip.go.th