กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--ซีพี ออลล์
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยประจำไตรมาส 2/2558 มีรายได้รวม 100,676 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 จากปีที่ผ่านมา จากการเติบโตของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ และจากการบันทึกรายได้ของธุรกิจแม็คโครและมีกำไรสุทธิ 3,140 ล้านบาท เติบโต 39.4 % เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ผลการดำเนินงานเฉพาะธุรกิจร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในไตรมาส 2 ของปี 2558 มีรายได้ทั้งสิ้น 63,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 และมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 3,599 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยครึ่งปีแรกของปี 2558 มีกำไรสุทธิ 5,610 ล้านบาท เติบโต 33.3 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจของ ซีพี ออลล์ มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 ปี 2558 บริษัทฯได้มีการขยายสาขาร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน 135 สาขา โดยปัจจุบันมีประมาณ 8,500 สาขาทั่วประเทศ และในไตรมาส 3 นี้ บริษัทได้เปิดตัวสุดยอดแคมเปญแห่งปีของเซเว่น อีเลฟเว่น นั่นคือ แสตมป์เซเว่นฯ “ริลัคคุมะ แสตมป์จัดหนัก” เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม – 25 พฤศจิกายนนี้ รวมระยะเวลากว่า 4 เดือน เพื่อตอบสนองความนิยมของลูกค้าที่ชื่นชอบคาแร็คเตอร์ลิขสิทธิ์การ์ตูนแท้ลายหมี “ริลัคคุมะ” (RILAKKUMA) ด้วยสีสันที่สดใสบวกกับความน่ารักของหมีในบุคลิกสบายๆ ทำให้ “ริลัคคุมะ” กลายเป็นการ์ตูนขวัญใจของลูกค้าจำนวนมาก
"บริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์หลักในการมุ่งสู่การเป็นร้านอิ่มสะดวกของคนไทย ให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม มีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆที่หลากหลายรวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยมุ่งหวังที่จะเพิ่มจำนวนลูกค้าและความถี่ที่เข้าร้าน รวมถึงเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายภายในร้านให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
นอกจากนี้ นายธานินทร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่ปี 2547 ซีพี ออลล์ ได้มอบทุนการศึกษาเพื่อให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์เป็นเงินมูลค่ารวมกว่า 2,950 ล้านบาท และสามารถผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาดไปแล้วกว่า21,000 คน ทุกคนล้วนได้งานทำ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายด้านการตอบแทนสังคมของบริษัทคือ "ส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน"
“รวมทั้งบริษัทได้มีโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยได้เชิญชวนคนไทยลดใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันมาอย่างต่อเนื่องกว่า 8 ปี ซึ่งรณรงค์ทั้งภายในและภายนอกบริษัทและได้ริเริ่มโครงการสร้างเครือข่ายเยาวชนไทย ลดใช้ถุงพลาสติก นำร่องในโรงเรียนที่มีศักยภาพความเป็นผู้นำและมีโรงเรียนภาคีเครือข่ายแล้ว 28 โรงเรียนเครือข่าย ล่าสุดในปีนี้ขยายไปแล้วอีก 2 ภูมิภาค มีเยาวชนร่วมเป็นเครือข่ายรวมกว่า 23,000 คน โดยตั้งเป้าปีนี้จะขยายเครือข่ายให้ครบทุกภูมิภาคทั่วประเทศ” นายธานินทร์ กล่าวทิ้งท้าย