กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. ไพโอเนียร์ มอเตอร์ (PIMO) หนึ่งในผู้นำทางธุรกิจผลิตและจำหน่ายมอเตอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 13 ส.ค. นี้
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. ไพโอเนียร์ มอเตอร์ (PIMO) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรมในวันที่ 13 สิงหาคม 2558 โดย PIMO ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์มอเตอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ มอเตอร์กำลังสำหรับภาคอุตสาหกรรมเพื่อใช้ในอุปกรณ์และเครื่องจักรภาคการเกษตร รวมถึงผลิตและจำหน่ายเครื่องสูบน้ำปั๊มหอยโข่ง และมอเตอร์สำหรับสระน้ำ และสปา โดยสินค้าของบริษัทจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า “PIONEER MOTOR” และภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า ผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ
PIMO มีทุนชำระแล้ว 130 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 400 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 120 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 3-5 สิงหาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 156 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 676 ล้านบาท มีบริษัท แอสเซท โปรแมเนจเม้นท์ จำกัดเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไพโอเนียร์ มอเตอร์ (PIMO) เปิดเผยว่า PIMO มีนโยบายในการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพดีที่สุด นอกจากนี้ บริษัทเน้นการส่งมอบที่ตรงต่อเวลา และบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการตลาด และเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน โดยบริษัทจะนำเงินระดมทุนไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งผลิตมอเตอร์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเงินระดมทุนอีกส่วนหนึ่งจะใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท
PIMO มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มอิทธิโรจนกุล ถือหุ้น 76.92% บริษัท ธนทัตพัฒนา จำกัด ถือหุ้น 0.38% และนายปฐมภพ ชื่นพาณิชย์กิจ ถือหุ้น 0.35% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 18.24 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสล่าสุด (1 เมษายน 2557–31 มีนาคม 2558) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.07 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.pioneermotor.th.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th