กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
‘เซ็ปเป้’ โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 เติบโตแข็งแกร่ง ทำรายได้รวม 812 ล้านบาท เติบโต 43% และทำกำไรสุทธิ 124 ลบ. เติบโต 72% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รับอานิสงส์ตลาดส่งออกขยายตัวดีจากช่วงฤดูกาลขายสินค้าในตลาดต่างประเทศ ด้านผู้บริหารประกาศลุยครึ่งปีหลัง จับมือตัวแทนจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการทำกิจกรรมการตลาดกระตุ้นการซื้อสินค้า มั่นใจกำลังการผลิตพร้อมป้อนความต้องการสินค้าหลังเดินเครื่องไลน์การผลิตใหม่
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 (เมษายน-มิถุนายน 2558) สามารถทำได้ดี ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวมจะชะลอตัวทั้งตลาดในและต่างประเทศ มีรายได้รวม 812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจากการขาย 680 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 103 ล้านบาท โดยปัจจัยความสำเร็จมาจากตลาดส่งออก ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลขายสินค้าในตลาดต่างประเทศและประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุนที่ดีของโรงงานแห่งใหม่
“ไตรมาสที่ 2 ถือเป็นช่วงฤดูกาลขายสินค้าเครื่องดื่มทั้งตลาดในและต่างประเทศ จึงทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงที่บริษัทฯจะทำยอดขายเติบโตได้ดี ประกอบกับคำสั่งซื้อจากประเทศจีนที่หายไปจากการเปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายในไตรมาส 1 เริ่มกลับมาบางส่วนในไตรมาส 2” นางสาวปิยจิต กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า ส่วนทิศทางดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะมุ่งผลักดันผลประกอบการร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศผลักดันสินค้าเข้าสู่ช่องทางการจำหน่ายให้มากขึ้น พร้อมจัดกิจกรรมทางการตลาดโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความภักดีต่อตราสินค้า และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้น ขณะที่ตลาดในประเทศ บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคมากกว่าการมุ่งเน้นการลดราคา ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนา “บิวติดริ้งค์” สูตรใหม่ ไม่มีน้ำตาล แคลลอรี่ต่ำ เพิ่มคุณประโยชน์ พร้อมปรับภาพลักษณ์ตราสินค้าให้ดูทันสมัยมากขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคสอดคล้องกับกระแสดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สินค้าน้องใหม่เครื่องดื่มว่านหางจระเข้ “เซ็ปเป้ อโลเวร่า” ยังประสบความสำเร็จขึ้นครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทางด้านการลงทุนไลน์การผลิตใหม่ จะเริ่มเปิดดำเนินการในไตรมาส 3 นี้ตามแผนที่วางไว้ ภายหลังจากไลน์การผลิตใหม่สามารถดำเนินการผลิตได้เต็มประสิทธิภาพ จะส่งผลให้กำลังการผลิตที่โรงงานคลอง 13 เพิ่มขึ้นจาก 70,000 ตันต่อปี เป็น 130,000 ตันต่อปี และยังเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนงานผลิตขวดทดแทนการสั่งซื้อจากภายนอก พร้อมสนับสนุนการเติบโตตามแผนที่วางไว้ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น
“สถานการณ์การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ท้าทายในระดับสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทยส่งผลกระทบให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าโดยตรง ซึ่งในภาวะเช่นนี้ บริษัทฯ ที่มีสินค้าที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก จะมีความได้เปรียบทันที ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในการสร้างแบรนด์สินค้าในกลุ่ม sappe ในตลาดต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในกลุ่มลุกค้าที่มีกำลังซื้อ เห็นได้จากยอดขายในไตรมาสสองที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จึงยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตในตลาดต่างประเทศตามแผนเดิมที่วางไว้เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตถึง 5,000 ลบ. ในปี 2560 ” นางสาวปิยจิต กล่าว