กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์
กลุ่ม KTIS ทำรายได้ไตรมาสสอง 5,383 ล้านบาท กำไรสุทธิ 109.5 ล้านบาท ชูจุดแข็งมีความหลากหลายของธุรกิจ มีความมั่นคงของวัตถุดิบ ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสการเติบโตได้อีกมาก เผยสายธุรกิจผลิตเยื่อกระดาษมีกำไรไตรมาส 2 เติบโตสูง เพราะราคาเพิ่มแต่ต้นทุนลด เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงด้วยการตั้งบริษัท เคทิส วิจัยและพัฒนา จำกัด ขึ้นเป็นบริษัทย่อย
นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่สองของปี 2558 (เมษายน-มิถุนายน 2558) บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 5,383.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2557 ซึ่งมีรายได้ 5,271.3 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากสายการผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้น 7.1%
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ทำได้ 109.51 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นการเพิ่มขึ้นในภาคส่งออก ทำให้ต้นทุนขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกปรับตัวลดลง
“ไตรมาส 2 ของปีนี้ สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจต่างๆ แบ่งเป็น การผลิตและจำหน่ายน้ำตาลและกากน้ำตาล 82.23% การผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษจากชานอ้อย 7.25% การผลิตและจำหน่ายเอทานอล 7.24% การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล 3.23% และอื่นๆ 0.05% โดยสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษ เป็นสายธุรกิจที่มีกำไรเติบโตดีที่สุดเมื่อเทียบกับสายธุรกิจอื่น เนื่องจากราคาขายสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนต่ำลง” นายประพันธ์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว และราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่บริษัทฯ ก็พยายามบริหารจัดการเพื่อให้มีรายได้และกำไรในระดับที่เหมาะสม ซึ่งความแข็งแกร่งของ KTIS นั้น มาจากการกระจายการรับรู้รายได้จากหลากหลายธุรกิจ และความมั่นคงทางวัตถุดิบ ทำให้มีโอกาสขยายตัวในแต่ละธุรกิจได้อีกมาก
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต คณะกรรมการ KTIS จึงได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัท เคทิส วิจัยและพัฒนา จำกัด ขึ้นเป็นบริษัทย่อย เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ วิจัย คิดค้น และพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากอ้อยและน้ำตาล ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท