SUPER ทุ่มเงิน1.95หมื่นลบ. ซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์ม 290 MW โชว์PPAในมือ460MW เดินตามแผนCOD500MWสบายๆภายในปี”58

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 14, 2015 10:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--IR network บมจ.ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) เดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มเต็มเหนี่ยว ล่าสุด เตรียมทุ่มเงิน1.95 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิตรวม 290.05 เมกะวัตต์ ส่งผลให้มี PPA ในมือแล้ว 460 เมกะวัตต์ พร้อม COD ภายในสิ้นปีนี้ได้ครบตามเป้า 500 เมกะวัตต์ นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไฟฟ้า (PPA) แล้วจำนวน 460 เมกะวัตต์ และพร้อมที่จะจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปีนี้ตามเป้า 500 เมกะวัตต์ เนื่องจากบริษัทได้มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งจากการลงทุนเอง และการซื้อกิจการ โดยล่าสุดคณะกรรมการมีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SSE) ซึ่งถือหุ้น 100% ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด (SUPERE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนในโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กําลังการผลิตรวม 290.05 เมกะวัตต์ โดยการเข้าซื้อหุ้นและ/หรือรับโอนสิทธิและ/หรือเพิ่มทุนใหม่ รวมทั้งสิ้น 5 รายการดังนี้ รายการที่ 1 อนุมัติการซื้อหุ้นและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท พาวเวอร์ เทคโนโลยีอินเตอร์เนชั่นแนลจํากัด (PTI) ทั้งนี้ PTI เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) จํานวน 9 โครงการขนาดรวม 55.6 เมกะวัตต์ซึ่ง ปัจจุบันได้รับหนังสือแจ้งผลพิจารณาการรับซื้อไฟฟ้า (Letter of Intent “LOI”) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 3,719.44 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 3,447 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ PTI จํานวน 272.44 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน PTI ในสัดส่วน 49% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด รายการที่ 2 อนุมัติการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท เอ็นเนอร์ จี เซิฟ จํากัด (ESERVE) ทั้งนี้ ESERVE เป็นเจ้าของกรรมสิทธิทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจาก Solar Cell จํานวน 13 โครงการขนาดรวม 81.45 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้รับLOI กับการไฟฟ้ าส่วนภูมิภาคแล้ว โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดรวม ไม่เกิน 5,453.72 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 5,050 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของESERVE ทั้งทางตรงและทางอ้อมจํานวน 403.72 ล้าน ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน ESERVEในสัดส่วน 49% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด รายการที่ 3 อนุมัติการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท อินฟิ นิท อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเนอร์ยี่จํากัด (IAE) ทั้งนี้ IAE เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท รางเงิน โซลูชั่น จํากัด (RNS) ในสัดส่วน 99.98% ของทุนจดทะเบียน โดย RNS มี PPA กับการไฟฟ้าภูมิภาคแล้ว จํานวน 11 โครงการ ขนาดรวม 87 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดรวม ไม่เกิน 5,922 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 5,632 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ IAE 290 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน IAEในสัดส่วน 33% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด รายการที่ 4 อนุมัติการซื้อหุ้นและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท อามานูฟจํากัด (AMN) โดย SSE จะเข้าลงทุนใน AMN ซึ่งเป็ นผู้รับโอนสิทธิประโยชน์ในคําขอจําหน่ายไฟฟ้าระบบพลังงานแสงอาทิตย์และสิทธิประโยชน์ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าภูมิภาค จํานวน 5 โครงการขนาดรวม 30 เมกะวัตต์จากบริษัท เอ็น.พี.เอส.สตาร์กรุ๊ป จํากัด (NPS) มีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 2,056 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 1,860 ล้านบาท และมูลค่าการรับโอนสิทธิจาก NPS จํานวน 196 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน AMN ในสัดส่วน 49% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด รายการที่ 5 อนุมัติการซื้อหุ้นและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท ศรีนาคา พาวเวอร์จํากัด (SNP) โดย SSE จะเข้าลงทุนใน SNP ซึ่งเป็ นผู้รับโอนสิทธิประโยชน์ในคําขอจําหน่ายไฟฟ้าระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และสิทธิประโยชน์ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าภูมิภาค จํานวน 6 โครงการขนาดรวม 36 เมกะวัตต์จาก NPS มีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 2,392 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 2,232 ล้านบาท และมูลค่าการรับโอนสิทธิจากNPSจํานวน 160.40 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน SNPในสัดส่วน 49% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด การลงทุนทั้ง 5 โครงการคิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 19,543.16 ล้านบาท สำหรับแหล่งเงินลงทุนที่จะใช้ในการลงทุนดังกล่าวจะมาจากการเพิ่มทุนและการแปลงสภาพวอร์แรนต์ โดยคาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 18,850 ล้านบาท โดยมาจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ รุ่นที่ 1,2 และ 3 รวม 13,850 ล้านบาท และการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทไม่เกิน 2 พันล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ