กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) แจ้งไตรมาส 2/58 โชว์รายได้รวม 970.67 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ 27.99ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 159.1 YoY และ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 327.7 QoQ ส่วนครึ่งปีแรกมียอดขายถ่านหิน 1.11ล้านตัน “ พนม ควรสถาพร ” กรรมการผู้จัดการ เผยกลยุทธ์ครึ่งปีหลังมุ่งทำการตลาดในประเทศเป็นหลัก เน้นลดต้นทุน เพื่อเสริมสร้างกำไร ส่วนการลงทุนพลังงานทดแทน กำลังอยู่ในช่วงของการดำเนินการ
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2558 สิ้นสุดวันที่ 31 มิถุนายน 2558 ว่า บริษัทฯมีรายได้ 970.67 ล้านบาทปรับตัวลดลงร้อยละ 43.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 27.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ร้อยละ 159.1 ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น เนื่องจากนโยบายมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งบริษัทให้ความสนใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและคลังสินค้า รวมควบคุมภาพสินค้าเพื่อให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า
ส่วนผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรก 2558 ของบริษัทฯมีรายได้รวม 2,341.39 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับยอดขายถ่านหินอยู่ที่ 1.11 ล้านตัน ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 42.2 จากยอดขายในตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 34.54 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 4.4
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2558 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจและแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่จะปรับตัวให้เหมาะสมกับภาวะอุตสาหกรรม จากเน้นกลยุทธ์ในการลดต้นทุน รวมถึงการเน้นการบริการ และการควบคุม คุณภาพของสินค้า โดยในปีเราให้ความสนใจกับการขายในประเทศเป็นหลัก สำหรับตลาดต่างประเทศยังคงได้รับผลกระทบ จากสภาวะเศรษกิจของจีน ทำให้การนำเข้าถ่านหิน (thermal coal) ของจีนปรับตัวลดลง” นายพนม กล่าว
โดยในปีนี้บริษัทฯ คาดการณ์ว่ายอดขายถ่านหินอาจจะปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ 3.45 ล้านตัน จากยอดส่งออกถ่านหินที่ปรับตัวลดลง จากสภาวะเศรษกิจในประเทศจีน ส่วนความคืบหน้าการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนนั้น บริษัทฯยังคงมีนโยบายการลงทุน และมีการศึกษาแผนการลงทุนต่อเนื่อง โดยกำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการและรอความชัดเจนของนโยบายภาครัฐ ซึ่งโครงการที่บริษัทจะไปลงทุนนั้นต้องมีความเสี่ยงและผลตอบแทนอยู่ในระดับที่คุ้มค่าต่อการลงทุน ในปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมในทุกด้านทั้งบุคคลากร เงินทุน และประสบการณ์ในการบริหารเชื้อเพลิง