กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--Worklink PR
BEAUTY โตกระฉูดสวนกระแสเศรษฐกิจซบ โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก กวาดรายได้ 770.39 ล้านบาท กำไรทะลัก 169.62 ล้านบาท โต 50.17% ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05บาท/หุ้น 88.43% ของกำไรสุทธิ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดทุกรูปแบบ ขยายสาขาเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ เตรียมผนึกพันธมิตรอินโดนีเซีย ขยายตลาด "ค้าส่ง" เชื่อมั่นธุรกิจเติบโตตามเป้า ทั้งปีรายได้ทะลุ 1,700 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20%
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2558 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 770.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 593.05 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 169.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 112.95 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2/58 บริษัทมีรายได้รวม 405.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 313.69 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 93.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 60.68 ล้านบาท โดยผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากมีการปรับกลยุทธ์ด้านการบริหารทั้งในส่วนของสำนักงานและสาขาหน้าร้านในเรื่องการจัดการ การบริหารการขายและสินค้า การจัดแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสิ่งที่ลูกค้าต้องการในปัจจุบัน
อีกทั้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.58 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็น 88.43% ของกำไรสุทธิ โดยการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 150 ล้านบาท โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผลในวันที่ 28 ส.ค. 58 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 ก.ย. 58
สำหรับแนวโน้มตลาดเครื่องสำอางในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงระดับบนยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีแผนออกโปรโมชั่นต่างๆจัดกิจกรรมเพื่อลูกค้าสมาชิก เพื่อกระตุ้นยอดขาย ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบรับความต้องการของตลาด ตลอดจนให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนให้อยู่ระดับเหมาะสม เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิ ของบริษัทให้อยู่ในเกณฑ์ดี และมีแผนขยายสาขาของทุก Shop Brand ในประเทศจาก 293 สาขาเป็น 334 สาขา
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะแต่งตั้งพันธมิตรเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) ในประเทศอินโดนีเซียซึ่งได้เริ่มทำธุรกิจในลักษณะค้าส่งกับ BEAUTY นำสินค้าแบรนด์ BEAUTY BUFFET ที่ได้รับความนิยมไปจำหน่ายภายในร้านค้าปลีกที่มีอยู่มากกว่า10สาขา และมีกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการสินค้าของ BEAUTY BUFFET อย่างต่อเนื่อง พร้อมคาดว่าในอนาคตจะมีตลาดอื่นๆในเอเชียขยายตามมา
ส่วนตลาด CLMV บริษัทมีการขยายสาขาออกไปรวม 26 สาขา แต่คาดว่ายังสามารถขยายตัวได้อีกเพราะบางประเทศ เช่น เวียดนาม ยังจำหน่ายสินค้าไม่ครบทุกชนิดและมีความต้องการในตลาดสูง
"บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2558 ไว้ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,385 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ถึงแม้ในหลายภาคธุรกิจจะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของกำลังซื้อในประเทศ แต่ในส่วนของตลาดเครื่องสำอางกำลังซื้อยังสามารถขยายตัวได้ ซึ่ง BEAUTY ได้มีการวางกลยุทธ์ทางการตลาด การออกแคมเปญ โปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน"นายแพทย์สุวิน กล่าว