กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2558 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 135.4 ล้านบาท จากผลขาดทุน 288.3 ล้านบาทในไตรมาส 1/2558 หลังบริษัทย่อย ทั้ง เมอร์เมดฯ และ PMTA รวมถึง ไซโน แกรนด์เนส มีผลงานที่ดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจชิปปิ้ง แม้จะทำผลงานได้ดีกว่าตลาด แต่ยังคงขาดทุน หวังครึ่งปีหลังแนวโน้มดีขึ้น หลังค่าระวางเรือส่งสัญญาณสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ด้านผู้บริหารยอมรับปีนี้นับเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจ แต่การกระจายการลงทุนที่หลากหลายส่งผลให้สามารถกระจายความเสี่ยงและยังแสวงหาผลตอบแทนได้ ย้ำรอจังหวะเหมาะก่อนขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพและโอกาสเติบโตสูงต่อไป
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า “ไตรมาส 2/2558 ถือว่าเป็นไตรมาสที่ดีของ TTA หลังจากบริษัทฯ ประสบภาวะขาดทุนในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพลิกกลับมาทำกำไรได้ท่ามกลางภาวะชะลอตัวและชะงักงันของเศรษฐกิจโลก โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้ผลงานในไตรมาสนี้เป็นบวกมาจากผลงานที่ดีขึ้นของ บมจ. เมอร์เมด มาริไทม์ และบมจ. พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ หรือ PMTA ที่ถือหุ้นในธุรกิจปุ๋ยที่เวียดนาม รวมถึง บริษัท ไซโน แกรนด์เนส ฟูด อินดัสตรี กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในประเทศจีนที่รับรู้กำไรอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดหลังจากที่เข้าลงทุน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจชิปปิ้งยังเผชิญกับภาวะขาดทุนเนื่องจากอัตราค่าระวางเรือตกต่ำ เช่นเดียวกับ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส หรือ UMS ที่มียอดขายในไตรมาสนี้ลดลง ประกอบกับปริมาณถ่านหินโลกล้นตลาดสวนทางกับความต้องการใช้ถ่านหินที่ลดลง ทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุน”
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2558 (ระหว่าง 1 เมษายนถึง 30 มิถุนายน 2558) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,998.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวของปีก่อน 13% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาคิดเป็น 31% โดยมีกำไรขั้นต้นลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย 6% แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วถึง 449% มาอยู่ที่ 1,226.3 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20%
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 135.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% พลิกจากที่เคยขาดทุน 288.3 ล้านบาท เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา แต่ลดลง 47% จากผลกำไรสุทธิที่ 254.6 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ
ในส่วนของธุรกิจชิปปิ้ง อัตราค่าระวางเรือได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกเกือบตลอดทั้งไตรมาส โดยเพิ่งเริ่มเห็นสัญญาณ ฟื้นตัวกลับมาในเดือนมิถุนายน ถึงแม้ว่าอัตราค่าระวางเรือหรือ TCE Rate ของกองเรือที่โทรีเซนชิปปิ้งอยู่ที่ 6,482 เหรียญสหรัฐต่อวัน เหนือกว่าต้นทุนเงินสดและดีกว่าอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของตลาด Supramax ที่ปรับฐานแล้ว 8% แต่ด้วยภาวะซบเซาของตลาดทำให้โอกาสในการได้งานของกองเรือที่เช่ามาเสริมมีจำกัดมาก ส่งผลให้โทรีเซนชิปปิ้งขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 103.2 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2558 หวังครึ่งหลังของปีจะมีแนวโน้มฟื้นตัว เนื่องจากดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
เมอร์เมด มีผลงานที่ดีขึ้น โดยกำไรสุทธิมีการเติบโตขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาถึง 197% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกตามฤดูกาลและการกลับมาทำงานตามปกติของเรือวิศวกรรมใต้ทะเล 3 ลำ หลังจากต้องเข้าอู่ซ่อมบำรุงไปเมื่อไตรมาส 1/2558 ประกอบกับ แรงหนุนจากบริการวางสายเคเบิลใต้ทะเลที่สร้างผลกำไรที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้ ในขณะที่ ในไตรมาส 2/2558 AOD จะต้องทำสัญญาปรับลดอัตราค่าจ้างรายวันลง 10% เป็นระยะเวลา 1 ปี กับลูกค้าในซาอุดิอาระเบีย แต่ยังไม่ได้รับรู้ผลกระทบดังกล่าวในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม AOD ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มอบส่วนแบ่งผลกำไรให้ TTA ยังคงรักษาส่วนแบ่งกำไรที่ระดับประมาณ 230 ล้านบาทต่อไตรมาสได้อย่างสม่ำเสมอ
ส่วน PMTA ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับภาวะฝนแล้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งลากยาวมาจากไตรมาส 1 จนถึงไตรมาส 2/2558 ก็ยังคงรักษายอดขายในประเทศไว้ในระดับสูง และยังสามารถขยายการส่งออกได้มากขึ้น ซึ่งการเพิ่มขึ้นของยอดส่งออก สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ PMTA ในการเพิ่มปริมาณการส่งออกหลังจากการติดตั้งสายการผลิตแบบปุ๋ยอัดเม็ดใหม่เพิ่มขึ้นอีก 100,000 ตันในไตรมาสที่แล้วเสร็จสิ้น
UMS ยังคงเผชิญภาวะขาดทุนในไตรมาส 2/2558 เนื่องจากปริมาณการขายลดลงจากไตรมาสก่อน อันเนื่องมาจากวงเงินสินเชื่อ ที่มีจำกัดของบริษัท จึงส่งผลให้เกิดการล่าช้าในการนำเข้าถ่านหินมาขายในไตรมาสนี้
ไซโน แกรนด์เนส มีส่วนแบ่งผลกำไรให้กับ TTA ทั้งสิ้น 62.7 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ น้ำผลไม้และผักบรรจุกระป๋องในตลาดประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นจากการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่าย
กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวสรุปว่า “ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากของธุรกิจ จากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การพลิกกลับมามีกำไรอย่างแข็งแกร่งของ TTA สะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ ด้าน การลงทุนที่ถูกต้อง เพราะการกระจายการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายในฐานะโฮลดิ้งส์ คอมปะนี ชั้นนำ ทำให้บริษัทฯ สามารถที่จะกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของวัฏจักรธุรกิจ รวมถึงยังทำให้สามารถแสวงหาผลตอบแทนที่เหมาะสมได้ในภาวะที่การเติบโตเป็นไปได้อย่างลำบากเช่นนี้ ซึ่งหลังจากนี้ TTA ยังคงมุ่งมั่นที่จะเฟ้นหาธุรกิจที่มีโอกาสและศักยภาพใน การเติบโต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งต่อไป โดยจะพิจารณาจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องใช้ความรอบคอบและการประเมินความเสี่ยงในการเข้าลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย”