“พยัคฆ์ไพร”เตือนนายทุนหยุดรุกป่า

ข่าวทั่วไป Wednesday August 19, 2015 10:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--กรมป่าไม้ หัวหน้าทีมพยัคฆ์ไพร ห่วงป่าต้นน้ำ ชี้กลุ่มนายทุนควรหยุดซื้อพื้นที่ป่า เพราะเป็นการทำลายป่าอย่างไม่รู้จบ เผยพื้นที่ป่าต้นน้ำของแม่น้ำป่าสักในเขต อ.ด่านซ้าย จ.เลย เคยมีกว่า 1ล้านไร่ แต่ 30 ปีผ่านมาเหลือไม่ถึง 2 แสนไร่ ย้ำรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนเตรียมเอาผิดกลุ่มนายทุนรุกป่า พร้อมฟื้นฟูปลูกพะยูง เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม เป็น ผู้อำนวยการส่วนกิจการพิเศษ และในฐานะหัวหน้าทีมพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ตามยุทธการทวงคืนผืนป่าในประเทศซึ่งตั้งเป้าหมายต้องยึดคืนมาภายในปีนี้จำนวน400,000 ไร่ โดยขณะนี้สามารถยึดคืนได้แล้วกว่า 70,000 ไร่ สิ่งที่ภาครัฐกำลังดำเนินการเป็นการบูรณาการแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ยุทธการดังกล่าวมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ เก็บข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อความถูกต้อง นายชีวะภาพ กล่าวอีกว่า วันนี้คงต้องมองถึงความสัมพันธ์ของระบบนิเวศน์ป่าต้นน้ำ และชุมชนเมืองว่ามีความเกี่ยวเนื่อง มีองค์ประกอบมีหน้าที่ในระบบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญต่อกัน คนต้นน้ำ คนกลางน้ำ คนปลายน้ำ คือความเชื่อมโยง วันนี้คนกลางน้ำ คนปลายน้ำไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว ไปซื้อยึดถือครอบครองที่ดินในเขตต้นน้ำ เพราะผิดกฎหมาย ในเขตต้นน้ำควรเป็นระบบของชุมชนคนต้นน้ำ ซึ่งจะมีแนวทางบริหารจัดการอย่างไรก็ว่ากันไปตามหลักกฎหมายและวิชาการ ค่านิยมที่คนนอกพื้นที่ต้องการมีที่ดินในเขตป่าควรหมดไป เพราะเป็นการทำลายป่าอย่างไม่รู้จบ กลไกของการยึดถือครอบครองป่าต้นน้ำของกลุ่มทุน ส่งผลให้ชาวบ้านขยายตัวเข้าไปบุกรุกป่าใหม่ เพราะมีการซื้อขายกันเป็นทอดๆ มีการขายต่อเปลี่ยนมือกันมาตลอด “ที่ผ่านมายังไม่เคยมีมาตรการอะไรมาหยุดยั้งขบวนการนี้ แต่ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน มีการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน ถ้าเรามีโอกาสแบบนี้แล้วยังหยุดขบวนการทำลายป่าต้นน้ำในเวลานี้ไม่ได้ก็คงนับเวลาถอยหลังดูความหายนะของป่าต้นน้ำได้เลย กลุ่มนายทุนควรถอยออกไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมที่ไม่ใช่ป่าต้นน้ำ จริงๆ แล้ว ยางพาราเป็นต้นไม้ที่ช่วยด้านเศรษฐกิจ รักษาระบบนิเวศน์ได้เหมือนกัน แต่ต้องปลูกที่ที่เหมาะสมไม่ใช่พื้นที่ที่บุกรุกอย่างผิดกฎหมาย”นายชีวะภาพ กล่าว หัวหน้าทีมพยัคฆ์ไพร กล่าวต่อว่า สภาพปัญหาของป่าต้นน้ำวันนี้ถึงขั้นวิกฤติ เช่น ในพื้นที่ป่าต้นน้ำของแม่น้ำป่าสักในเขต อ.ด่านซ้าย จ.เลย ประกาศเมื่อปี 2527 มีพื้นที่ประมาณ 1 ล้านไร่ แต่ผ่านมา 30 ปี เหลือไม่ถึง 2 แสนไร่ ที่หายไปเกินครึ่งอยู่ในการครอบครองของกลุ่มทุน และส่วนใหญ่นำมาปลูกยางพารา ซึ่งขณะนี้ทุกภาคส่วนร่วมกันเพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ที่ปลูกยางพาราโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในเขตป่าต้นน้ำลำธารที่กลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง ส่วนผู้ยากไร้มีระเบียบข้อกฎหมายที่ชัดเจนว่าให้ผ่อนปรน ทั้งนี้หลังการบุกยึดและดำเนินคดีแล้ว จะมีการเฝ้าระวังห้ามมีการบุกรุกพื้นที่ใหม่ พร้อมส่งเสริมการปลูกไม้พะยูง โดยกรมป่าไม้ได้เพาะกล้าไม้พะยูงไว้แล้ว 12 ล้านต้น เพื่อนำไปปลูกในพื้นที่ต่างๆ ต่อไป
แท็ก น้ำป่า   วรห  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ