กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI โชว์ฟอร์มเจ๋ง ก่อนลงสนามเทรด ครึ่งปีแรก ปิดยอดพรีเซล ได้สูงขึ้น 203% ส่งผลกำไร ทะลุเป้ากว่า 3,000 % ขณะที่รายได้จากการขายเติบโตกว้ากระโดด แตะ 766% เหตุ ดีมานด์ความต้องการ จาก 6 โครงการคอนโดมิเนียม ที่เปิดตั้งแต่ต้นปี ผลตอบรับดีเกินคาด ด้าน “ พีระพงศ์ จรูญเอก ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI เร่งต่อยอดโครงการคอนโดมิเนียม ระดับ High-end ภายใต้ “โครงการ ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา ” บนคอนเซ็ปท์ แนวคิดการออกแบบที่เน้นฟังก์ชันความคุ้มค่า ที่มีความแตกต่างจากคอนโดมิเนียม หวังตอบโจทย์ลูกค้าญี่ปุ่น พร้อมจ่อเข้าเทรด SET ไตรมาส 3 นี้
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2558 ว่า บริษัทฯมีอัตราการทำกำไรสุทธิในงวดครึ่งปีแรก อยู่ที่ 229.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,240% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,080.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 762% ทั้งนี้ สาเหตุ ที่บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีความสามารถในการทำยอดพรีเซล ได้สูงถึง 203% เป็นผลจากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม ตั้งแต่ต้นปี2558 จำนวน 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 3,175 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจากการวางยุทธศาสตร์ทำเลที่ตั้งตามแนวรถไฟฟ้า ที่ตอบโจทย์คอนเซ็ปท์กลยุทธ์ บลูโอเชี่ยน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ ORI และการรับรู้รายได้จากโครงการในตระกูล ไนท์บริจด์ (KnightsBridge) ซึ่งเป็นโครงการตึกสูงที่ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม ปัจจุบัน บริษัทฯ มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 138.5% สูงกว่าปีที่แล้วที่ 23.9% และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ อยู่ที่ 21.1% สูงกว่าปีที่แล้วที่ 4.8%
“ ยอดพรีเซลที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากแผนกลยุทธ์การขยายโครงการใหม่ของบริษัทฯ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันรวม 6โครงการ ประกอบด้วยโครงการ Pause สุขุมวิท 103, โครงการ Pause สุขุมวิท 107 A และ B, โครงการ Pause สุขุมวิท 115, โครงการ Pause ID สุขุมวิท 107 และ โครงการไนท์บริจด์ สกาย ซิตี้ สะพานใหม่ โดยคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 3,175 ล้านบาท ประกอบกับการเลือกทำเลในแต่ละแห่งที่บริษัทฯ มุ่งเน้นยุทธศาสตร์ ทำเลที่ตั้งแนวรถไฟฟ้า ทำให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์ ตามคอนเซ็ปท์กลยุทธ์ บลูโอเชี่ยน ได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ผนวกกับกระแสตอบรับจากโครงการในตระกูล ไนท์บริจด์ (KnightsBridge) ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการ “ ไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ ” เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคย่านสะพานใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากยอดการจองซื้อโครงการล่าสุดที่สูงกว่า 90% หลังจากที่เปิดการขายอย่างเป็นทางการ เพียงแค่เดือนเศษ ทั้งนี้เป็นเพราะความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมย่านดังกล่าว ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ORI ก็ถือเป็นบริษัทฯ อสังหาริมทรัพย์แห่งแรก ที่เข้าไปเจาะตลาด และเปิดการขายคอนโดฯ เป็นรายแรกในย่านดังกล่าว ประกอบกับ จุดเด่นของโครงการนี้ คือ อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายหยุด (สายสีเขียว) โดยบริษัทฯ คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในเร็วๆนี้
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับโครงการ “ ไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ ” ทำให้บริษัทฯ มีแผนที่ต่อยอดความสำเร็จดังกล่าว ผ่านโครงการในตระกูล KnightsBridge โดยเตรียมเปิดโครงการ “ ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา ” ในช่วงปลายไตรมาส 3 นี้ โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับ High-end บนคอนเซ็ปท์แนวคิดการออกแบบที่เน้นฟังก์ชันความคุ้มค่า รูปแบบการดีไซต์ และไลฟ์สไตล์เฉพาะของคนญี่ปุ่น มาประยุกต์ใช้ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งORI ได้หยิบยกการดีไซต์ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น มาประยุกต์ใช้ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะห้องน้ำที่ถูกออกแบบในรูปแบบออนเซน ดังนั้นเชื่อว่าโครงการดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น ที่ต้องการแสวงหาความสงบในประเทศไทย ได้ตรงตามคอนเซ็ปท์ความต้องการได้อย่างลงตัวที่ถูก
“ สาเหตุที่ORI พัฒนาโครงการไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะลองรับกลุ่มลุกค้าชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯมีฐานกลุ่มลูกค้าดังกล่าวกว่า 87 % เมื่อเทียบกับสัดส่วนลูกค้าต่างชาติทั้งหมด และ บริษัทฯคาดว่าหากโครงการนี้เปิดตัว ORI จะสามารถขยายฐานลูกค้าญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างแน่นอน พร้อมทั้งคาดว่าจะมียอดจองซื้อในโครงการนี้เข้ามากว่า 70% ของมูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะขยายกลุ่มลูกค้าชาว จีน และสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนหนี่งเพราะORI มีทีมเซลล์อินเตอร์ที่มีศักยภาพ และมีพันธมิตรทางการค้าในต่างประเทศที่ช่วยส่งเสริมการขับเคลื่อนของบริษัทฯซึ่งสอดคล้องกับการเปิดตลาด AEC ” นายพีระพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวสูงในครึ่งปีหลังว่า จากดีมานความต้องการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมยังคงมีเพิ่มสูงขึ้น บริษัทฯเชื่อว่าครึ่งปีหลังตลาดคอนโดฯยังคงมีสีสันไม่แพ้ในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากคอนโดฯเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้มากที่สุด ดังนั้นบริษัทฯเชื่อว่ากำลังซื้อในตลาดคนรุ่นใหม่ ยังคงมีอยู่ ซึ่งโครงการของORI ทุกโครงการสามารถตอบสนองความต้องการของกำลังซื้อเหล่านี้ได้เหนือคู่แข่งรายอื่น โดยจะเห็นได้จากการสบช่องทางใหม่ในการเตรียมขยายศักยภาพการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้ “ ไนท์บริดจ์ ” บนทำเลทอง บนย่านเกษตร – สะพานใหม่ ตามแผนยุทธ์ศาสตร์ทางการมองตลาด ตามคอนเซ็ปต์บลูโอเชี่ยน คือ ทำเลศักยภาพใหม่ ที่มีคู่แข่งน้อยราย
ส่วนเรื่องความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น นายพีระพงศ์ กล่าวว่า บริษัทฯเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายในไตรมาส3/2558 นี้ โดยบริษัทฯมีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และในอนาคต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ