กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--Worklink PR
CCP ทุ่มงบลงทุนกว่า 200ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตและแหล่งวัตถุดิบใหม่ เตรียมพร้อมรับงานโครงการเมกะโปรเจคต์เกิด พร้อมรุกตลาดผู้รับเหมา อสังหาริมทรัพย์รายย่อยภาคตะวันออกเต็มสูบ หนุน Backlog แตะ 2,300 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCPเปิดเผยว่า แม้ว่าในปัจจุบันตลาดวัสดุก่อสร้างในประเทศจะชะลอตัว แต่ทางบริษัทได้มีการเตรียมวางแผนงานล่วงหน้า เพื่อรองรับการกลับมาฟื้นตัวของตลาด ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปลายปี โดยบริษัทได้มีการลงทุนไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ลงทุนขยายแท่นผลิตพรีคาสท์ เพิ่ม 3 แท่น จาก 12 แท่นเป็น 15 แท่น ซึ่งจะสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 25% พร้อมทั้งขยายแพล้นท์คอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มอีก 2 จุด จากเดิม 15 จุด เป็น 17 จุด ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในโซนหนองใหญ่ นิคมอุตสาหกรรมในเขต อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และ นิคมสร้างตนเอง จ.ระยอง นอกจากนี้ยังลงทุนซื้อที่ดินจำนวนกว่า 100 ไร่ สำหรับขุดทำบ่อทราย เพื่อใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบ
ซึ่งแม้ว่าราคาที่ผ่านมาจะยังไม่ดี แต่ปริมาณงานกลับมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นสัญญาณที่ดีที่น่าจะได้เห็นการฟื้นตัวของตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงปลายปี
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2558 ที่ออกมานั้นบริษัทยอมรับว่าปรับตัวลดลง โดยรายได้รวมอยู่ที่1,197.91 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 184.57 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.16 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน หลังภาวะเศรษฐกิจยังคงซบเซา บริษัทจะพยายามรักษาการเติบโตของรายได้ในปีนี้ให้เติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2,662.56 ล้านบาท และแม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้กำไรสุทธิอาจต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 155.24 ล้านบาท ซึ่งสืบเนื่องมาจากในปีที่ผ่านมารับงานใหม่เข้ามาจำนวนมาก แต่ราคาไม่ค่อยดีเนื่องจากการแข่งขันสูง ทำให้งานส่วนใหญ่มีอัตรากำไรที่ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ ศึกษาแนวทางการลดต้นทุน ทั้งด้านช่องทางการจัดจำหน่าย กระบวนการผลิต และด้านวัตถุดิบ เพื่อให้สามารถเพิ่มอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่สูงให้ได้
สำหรับช่วงปลายปี มองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างน่าจะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากภาครัฐมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการลงทุนต่างๆ อาทิ โครงการทำถนน โครงการปรับถนน โครงการวางท่อระบายน้ำ ดังจะเห็นได้จากปริมาณงาน Backlog ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถ้าพิจารณาจากปริมาณงานที่กำลังเสนอราคาอยู่คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณงาน Backlog ได้อีก โดยในปัจจุบันมี Backlog กว่า2,300 ล้านบาท