กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
วันนี้ (๒๑ ส.ค. ๕๘) เวลา ๐๙.๔๕ น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๒๒๓/๕๗-๕๘ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีกลุ่มวณิพกเข้าร้องเรียนต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจับกุม ซึ่งกฎหมายเดิมนั้นถือว่าวณิพกเป็นขอทานผิดกฎหมาย แต่ไม่มีการกำหนดโทษ สำหรับกฎหมายใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ปลายปี ๒๕๕๘ นี้ ระบุว่าวณิพกไม่ถือว่าเป็นขอทาน ไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อความถูกต้อง มิฉะนั้นจะถูกจับกุมมีความผิด ซึ่งกระทรวงฯ ได้เตรียมการและ มีแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีแนวความคิดที่จะจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพวณิพกให้เป็นนักร้อง นักดนตรีมืออาชีพ มีการเชิญค่ายเพลงต่างๆ มาช่วยฝึกสอนร้องเพลงและเล่นดนตรี และจัดหาสถานที่ให้กลุ่มวณิพกได้ร้องเพลงแสดงดนตรี เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวต่อไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อว่า จากกรณีกรุงเทพมหานคร เปิดเผยข้อมูลว่า กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดรุนแรงที่สุดในประเทศไทย จากสถิติพบว่ามีเด็กอายุ ๙ ขวบเริ่มเข้าสู่วงจรยาเสพติด โดยส่วนใหญ่ ถูกเพื่อนชักจูงให้ทดลอง ตนมีความห่วงใยปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่รุนแรงและส่งผลกระทบหลายด้าน จึงขอฝากไปยังผู้ปกครองให้ดูแลกวดขันบุตรหลานอย่างใกล้ชิด สร้างความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว หาเวลาว่างทำกิจกรรมทำร่วมกันอยู่เสมอ เพื่อให้บุตรหลาน ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร สนธิกำลังเข้าสกัดจับรถตู้ ที่ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน ๓๓ คน ขณะกำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ จากตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ หากพบว่าเป็นผู้เสียหายจากขบวนการค้ามนุษย์ ให้ช่วยเหลือเยียวยาตามภารกิจกระทรวงฯ ต่อไป
“กรณีข่าวสังคมออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวของชายชราอายุ ๘๐ ปี ป่วยเป็นมะเร็งที่จมูก จนลุกลามทำให้ ตาบอด มีเลือดไหลออกจากจมูกตลอดเวลา และต้องรับภาระดูแลภรรยาอายุ ๗๐ ปี ที่ป่วยช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อาศัยข้าวจากวัดประทังชีวิตไปวันๆ ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาล ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (พมจ.พระนครศรีอยุธยา) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องต่อไป”พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย