ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมใช้ระบบชำระราคาและระบบรับฝากหลักทรัพย์ใหม่ 24 ส.ค. นี้ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รองรับการเติบโตตลาดทุนไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 21, 2015 16:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มใช้ระบบชำระราคาและระบบรับฝากหลักทรัพย์ใหม่ 24 ส.ค. นี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการเชื่อมต่อระหว่างระบบต่างๆ ได้โดยตรง (Straight-through Processing) และการบริหารความเสี่ยง ตลอดจนพัฒนาคุณภาพการบริการแก่สมาชิก สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดทุน หลังเตรียมความพร้อมและทดสอบระบบอย่างต่อเนื่องร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ คัสโตเดียน และสมาชิกผู้ฝากหลักทรัพย์ นายบดินทร์ อูนากูล รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาระบบชำระราคาและระบบรับฝากหลักทรัพย์ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดทุน โดยระบบชำระราคาและระบบรับฝากหลักทรัพย์ใหม่ จะเริ่มใช้ในวันที่ 24 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ “ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำงานอย่างใกล้ชิด ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ คัสโตเดียน และสมาชิกผู้ฝากหลักทรัพย์ในการเตรียมความพร้อมและทดสอบระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบใหม่จะทำงานได้อย่างสมบูรณ์เต็มประสิทธิภาพ และในช่วงการเปลี่ยนระบบการดำเนินการด้านต่างๆ จะต้องทำได้อย่างต่อเนื่องราบรื่น” นายบดินทร์กล่าว ระบบชำระราคาหลักทรัพย์ของสำนักหักบัญชีหลักทรัพย์ (SET CLEAR) อยู่บนระบบเดียวกับระบบชำระราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) โดยระบบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการเชื่อมต่อระหว่างระบบต่างๆ ได้โดยตรง (Straight-through Processing) ด้วยการรองรับรายการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ระหว่างบริษัทสมาชิกและคัสโตเดียน (Pre-settlement matching system) ซึ่งถือเป็นการยกระดับการปฎิบัติงานให้ทัดเทียมกับสากล สำหรับระบบรับฝากหลักทรัพย์ (CSD) ได้มีการปรับปรุงให้เป็น Straight-through Processing เช่นกัน และได้พัฒนาระบบธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL Service) ผ่านระบบของบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่บริษัทสมาชิกที่ต้องการทำธุรกรรมยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ รวมทั้งอนุญาตให้บริษัทสมาชิกทำการซื้อหลักทรัพย์ เพื่อส่งมอบกรณีผู้ลงทุนไม่สามารถส่งมอบหลักทรัพย์ที่ซื้อขายต่อบริษัทสมาชิกได้ (Member Buy-in) ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการผิดนัดส่งมอบหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนได้ การปรับปรุงระบบสำนักหักบัญชีและศูนย์รับฝากทั้งสองระบบดังกล่าวยังสามารถรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากล (Internationalization) พร้อมเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ (Diversification)อาทิ การชำระราคาได้หลายสกุลเงิน (multi-currency) หลายตลาด (multi-market) การเชื่อมต่อการทำธุรกรรมกับสำนักหักบัญชีและศูนย์รับฝากต่างประเทศได้ เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ