กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.อุบลราชธานี จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเครือข่ายการดำเนินงานสู่มาตรฐาน IHR 2005 ของจังหวัดในพื้นที่ชายแดนไทย-ลาวและไทย-กัมพูชา ประจำปีงบประมาณ 2558
วันที่ 24 – 26 ส.ค. 58 ณ โรงแรมบ้านสวนอุบลกอล์ฟแอนด์รีสอร์ท อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี แพทย์หญิงประนอม คำเที่ยง ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 10 เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเครือข่ายการดำเนินงานสู่มาตรฐาน IHR 2005 ของจังหวัดในพื้นที่ชายแดนไทย-ลาวและไทย-กัมพูชา ประจำปีงบประมาณ 2558 เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายในการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในพื้นที่ชายแดน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และติดตามผลการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพของจังหวัดในพื้นที่ชายแดนไทย-ลาวและไทย-กัมพูชากลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเครือข่ายภายในช่องทางเข้าออกประเทศ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลทั่วไปโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ วิทยากร และคณะทำงาน รวมทั้งสิ้นจำนวน 120 คน
แพทย์หญิงประนอม คำเที่ยง ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 10 กล่าวว่า สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน2ประเทศได้แก่ลาวและกัมพูชามีจังหวัดชายแดน 5 จังหวัด ซึ่งมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านคือ ติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวคือ จังหวัดอุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, มุกดาหาร และนครพนม ติดต่อกับประเทศกัมพูชาคือ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลทำให้การเคลื่อนย้ายของประชากรจากประเทศสมาชิกหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งและโรคระหว่างพรมแดนอาณาเขตติดต่อเป็นไปได้โดยง่ายซึ่งในปี 2558 นี้ประเทศไทยจะมีการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (ASEANCommunity) อาจทำให้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆรวมทั้งด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะด้านป้องกันควบคุมโรคติดต่อข้ามเขตแดนโดยจะมีผลกระทบต่างๆ เช่นจำนวนผู้มารับบริการด้านสุขภาพที่เป็นกลุ่มแรงงานข้ามชาติและผู้ป่วยต่างชาติจะมีมากขึ้น ปัญหาโรคติดต่อโรคติดต่ออุบัติใหม่ข้ามพรมแดนโรคติดต่อเรื้อรัง ปัญหาความสามารถในการรองรับของระบบบริการสุขภาพอัตราการครองเตียงเพิ่มขึ้น และการไหลทะลักของสินค้าที่ทำลายสุขภาพ อาทิ สุราอาหารและยาที่ไม่ได้มาตรฐานเป็นต้น
ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 10 กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบการเฝ้าระวังป้องกันโรคและภัยสุขภาพบริเวณชายแดนและระหว่างประเทศที่มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญยิ่งโดยการพัฒนาเครือข่ายและพัฒนาสมรรถนะขีดความสามารถในการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในพื้นที่ชายแดนร่วมกับการมีเป้าหมายและกิจกรรมเพื่อเร่งรัดพัฒนาสู่มาตรฐานกฎอนามัยระหว่างประเทศภายใต้กรอบการพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆตามเกณฑ์ 12 เป้าหมายที่กรมควบคุมโรคกำหนดโดยบุคคลากรในแต่ละพื้นที่วิเคราะห์หากิจกรรมที่มีความสำคัญเร่งด่วนในการดำเนินงานพัฒนาระบบควบคุมป้องกันโรคในประเด็นที่ยังคงเป็นปัญหาและแก้ไขจุดอ่อนที่สำคัญของแต่ละพื้นที่อันจะเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่การพัฒนาให้ได้มาตรฐานของการควบคุมป้องกันโรคและภัยสุขภาพตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR 2005) ตามที่กรมควบคุมโรคกำหนด