กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--ได-อิจิ-คิคากุ
ปิดท้าย “อีซูซุคาราวานสัญจร 2558” สุดแสนประทับใจบนเส้นทางระหว่างประเทศไทย (จันทบุรี) – กัมพูชา (พนมเปญ – เสียมเรียบ) พาสมาชิกประชาคมอีซูซุชมสถาปัตยกรรมขอมที่สุดแสนยิ่งใหญ่ในอดีต ถึงกับมีนักโบราณคดีกล่าวไว้ว่า “1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทุกคนควรไปเห็นก่อนตาย” นั่นคือ ประสาทนครวัด นครธม ทั้งยังได้สัมผัสศิลปวัฒนธรรม โบราณประเพณี อาหารการกิน และไมตรีจิตระหว่างสมาชิกและทีมงานทุกคนด้วยความทรงจำที่มิอาจลืมเลือน รวมระยะทางกว่า 850 กิโลเมตร
“อีซูซุคาราวานสัญจร 2558” เส้นทางที่ 4 เส้นทางระหว่างประเทศ เริ่มออกเดินทางจากโชว์รูมอีซูซุ บริษัท ประชากิจมอเตอร์เซลส์ จำกัด จ.จันทบุรี โดยมี มร. ที. ทาซึมิ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายขายดีลเลอร์ บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วย
คุณสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และคุณฑิฆัมพร สุทธิอุดมรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดจันทบุรี ร่วมพิธีตีธงปล่อยขบวนคาราวานรถอีซูซุจำนวน 22 คัน เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายแรกคือด่านบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นทางเข้าสู่ประเทศกัมพูชาทางเขตจังหวัดไพลิน เพื่อเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองพระตะบอง ซึ่งเส้นทางระหว่างนี้ถนนยังคงดี สะดวกสบายมาก จากนั้นก็แวะรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร Asian ซึ่งอาหารของกัมพูชาถือว่าหน้าตาใกล้เคียงกับอาหารไทยมากหลังจากอิ่มท้องขบวนคาราวานก็ออกเดินทางต่อสู่เมืองหลวงของกัมพูชา นั่นคือกรุงพนมเปญ ท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางแต่อย่างใดบรรยากาศตลอด 2 ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และทุ่งนาเขียวขจีให้สมาชิกได้เพลิดเพลิน ขบวนใช้เวลาอีกประมาณ 6 ชั่วโมงเต็มในการเดินทางถึงจุดหมายปลายทางของวันแรก ณ โรงแรม Sokha Phnom Penh Hotel & Residence โรงแรมสุดหรูระดับ 6 ดาวเปิดใหม่ พร้อมรับประทานอาหารค่ำในงานเลี้ยงแบบกันเอง และสนุกสนานไปกับการแสดงพื้นเมืองที่จัดเตรียมขึ้นเป็นพิเศษในชุด“ระบำอัปสรา” และอื่นๆ อีกหลายชุดทีเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้นสมาชิกประชาคมอีซูซุก็ออกเดินทางท่องเที่ยวในกรุงพนมเปญด้วย รถบัสไปยัง “พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล” หรือที่ชาวไทยมักเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่า "พระราชวังเขมรินทร์" สร้างขึ้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ ทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงอุดง มายังกรุงพนมเปญ สถานที่ส่วนใหญ่ภายในเขตพระราชวังเปิดให้เข้าชมได้ ยกเว้นเขตพระราชฐานที่ประทับ จากนั้นก็เดินต่อไปจุดใกล้เคียงกัน นั่นคือ “วัดพระแก้วมรกตและเจดีย์เงิน” คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม "วัดพระแก้ว" ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของกัมพูชา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2435 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ เนื่องจากเป็นวัดที่ตั้งอยู่ภายในเขตพระบรมราชวังจึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
หลังท่องเที่ยวในช่วงเช้าแล้ว สมาชิกคาราวานแวะรับประทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ ณ ร้านอาหาร Tonle Basak 2 ที่ทุกคนสามารถเลือกสรรอาหารได้ตามใจชอบ ราคาสบายกระเป๋ามาก อาหารมีมากมายทำให้เลือกรับประทานกันไม่ถูกเลยทีเดียว เมื่ออิ่มท้องกันเรียบร้อยก็กลับสู่โรงแรม เพื่อตั้งขบวนคาราวานอีซูซุออกเดินทางกันต่อด้วยเส้นทางผ่านจังหวัดกัมปงธม และข้ามแม่น้ำโตนเลสาบมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองเสียมเรียบ โดยวันนี้ขบวนคาราวานต้องขับรถกันด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ด้วยถนนที่กำลังอยู่ระหว่างการสร้างทาง เป็นหลุมในบางช่วง แต่ด้วยสมรรถนะช่วงล่างอันแข็งแกร่งของอีซูซุ ทำให้ขบวนสามารถขับผ่านเข้าสู่เสียมเรียบได้อย่างสบายๆ เพื่อเข้าพัก ณ Sokha Angkor Resort ในวันรุ่งขึ้นสมาชิกคาราวานท่องเที่ยวกันต่อด้วยรถบัสท้องถิ่นเพื่อความสะดวก สบายในการท่องเที่ยว เริ่มจากการเข้าชม “นครธม” เมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของนครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า “ปราสาทบายน” และมีพื้นที่สำคัญอื่นๆ รายล้อมพื้นที่ โดยก่อนเข้าไปยังเมืองจะได้สัมผัสถึงความอลังการของแถวยักษ์ (อสูร) ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้าย เรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน ก่อนผ่านประตูที่ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ได้เป็นอย่างดี เพื่อเข้าสู่ใจกลางนครธม หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปยัง “ปราสาทตาพรหม” ในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเป็นปราสาทหินในยุคท้ายๆ ของอาณาจักรขะแมร์ ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เพราะสมัยนั้นกษัตริย์สนับสนุนให้มีการสร้างปราสาทนี้เป็นวัดในศาสนาพุทธ การดูแลปราสาทต่างๆ นั้นรัฐบาลได้ทำการตัดต้นไม้ออกจากปราสาทอื่นๆ เพราะกลัวว่าประสาทจะล้มลงหากต้นไม้ใหญ่โตมากๆ แต่สำหรับปราสาทตาพรหมนั้น รัฐบาลมีแนวคิดที่จะคงต้นไม้ไว้เหมือนโบราณที่มีต้นไม้ขึ้นบนปราสาทแทบทุกปราสาทจึงกลายเป็นลักษณะเด่นของปราสาทตาพรหม และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ทูมไรเดอร์ อีกด้วย
สำหรับช่วงบ่ายสมาชิกคาราวานเดินทางท่องเที่ยวต่อยัง “นครวัด” ศาสนสถานประจำพระนครของพระเจ้าสุริยชัยวรมันที่ 2 ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ
ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติและเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศ ตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร หลังเสร็จสิ้นจากการเที่ยวชมปราสาทนครวัด ก็ไปช้อปปิ้งกันต่อ ณ “ตลาดซาจ๊ะ” ตลาดเก่าแก่ขึ้นชื่อของเมืองเสียมเรียบซึ่งอยู่ติดกับแม่นํ้าเสียมเรียบ ตลาดที่นี่สามารถใช้เงินไทยเลือกซื้อของที่ระลึกได้ และแน่นอนว่าพ่อค้า แม่ค้าที่นี่สามารถพูดภาษาไทยได้ดีเลยทีเดียว
วันสุดท้ายของการเดินทาง สมาชิกคาราวานอีซูซุก็มีโอกาสไปชมสถาปัตยกรรมอันสวยงามที่ “ปราสาทบันทายสรี” ปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา มีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1,000 ปี แต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ๆ ปราสาทแห่งนี้สร้างอุทิศถวายพระอิศวรภายใต้พระนามว่า"ตรีภูวนมเหศวร" หรือ "ผู้เป็นใหญ่แห่งโลกทั้งสาม" ปราสาทมีขนาดเล็ก สร้างด้วยหินทรายสีชมพูซึ่งหายาก เนื้อละเอียด การสลักลวดลายดูอ่อนช้อย ลายคมชัด ดูมีชีวิตชีวา
เสร็จสิ้นการท่องเที่ยวขบวนคาราวานอีซูซุก็ออกเดินทางจากเสียมเรียบมายังไทย เข้าทางด่านชายแดนปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งห่างจากไทยเพียง 150 กิโลเมตร เส้นทางราบเรียบแตกต่างจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วอย่างชัดเจน ขับสบายๆ ด้วยเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษเท่านั้น ก็เข้าสู่ประเทศไทยอย่างสวัสดิภาพ
อีซูซุคาราวานสัญจร เส้นทางที่ 4 ประเทศไทย (จันทบุรี) – กัมพูชา (พนมเปญ –เสียมเรียบ) นี้ เป็นอีกหนึ่งทริปที่ติดตรึงใจสำหรับผู้ร่วมคาราวานทุกท่าน เพราะนอกจากจะได้ชมความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอม ยังเกิดจากคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันได้แบ่งปันความรู้สึก และประสบการณ์อันน่าประทับใจร่วมกันอีกด้วย
“ประทับใจมากที่ได้มาร่วมคาราวานกับอีซูซุ รู้สึกอบอุ่น และได้รับการต้อนรับที่ดีมาก ได้ชมสถานที่อันสวยงาม อลังการจริงๆ น่าประทับใจ อยากเชิญชวนให้สมาชิกอีซูซุทุกท่านได้มีโอกาสมาสัมผัสแบบเราบ้าง รับรองสนุกสนาน และพบแต่ความสุขแน่นอน” เสียงจากผู้ร่วมเดินทาง อีซูซุคาราวานสัญจร คุณพิสูตร สายคำทอน และคุณเสาวณี สายคำทอน รถอีซูซุหมายเลข 02
และอีกหนึ่งเสียงจากสมาชิกใหม่ ที่ร่วมท่องเที่ยวกับคาราวานอีซูซุเป็นครั้งแรก คุณณัฐพงศ์ ผาสุข และคุณณัฐพัชร เกตุกิ่ง รถอีซูซุหมายเลข 22 “รู้สึกตื่นเต้น ช่วงที่ขับรถก็เจอสภาพถนน และภูมิอากาศหลายๆ แบบ มีฝนตกตลอดทาง แต่ก็สนุก และชอบมากกับการท่องเที่ยวแบบคาราวานกับอีซูซุในครั้งนี้ มาคราวนี้คุ้ม สนุกมากทุกวัน ได้มาเจอสมาชิกอีซูซุ ได้มาเที่ยวที่ใหม่ๆ อยากเชิญเพื่อนๆ ที่ใช้รถอีซูซุให้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมอีซูซุคาราวานสัญจรกันเยอะๆ”