กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--บลจ.กสิกรไทย
บลจ. กสิกรไทย คาดแผนปฎิรูปของรัฐบาลจีนหนุนเศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว เดินหน้าส่งกองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นจีน (K-CHX) มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี FTSE China A50 ในตลาดหุ้น A-Share เน้นจับจังหวะทำกำไรจากหุ้นยักษ์ใหญ่ 50 ตัว เปิดเสนอขายครั้งแรก 31 ส.ค. – 4 ก.ย.นี้ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม 2558 – 4 กันยายน 2558 บลจ.กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นจีน (K-CHX) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการจับจังหวะซื้อขายทำกำไรตามการเคลื่อนไหวของดัชนี FTSE China A50 พร้อมทั้งมีโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวจากการเติบโตของตลาดหุ้นจีน
ทั้งนี้ กองทุน K-CHX จะลงทุนในกองทุนหลักต่างประเทศพร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นลงทุนในกองทุนหลัก ได้แก่ กองทุน CSOP FTSE China A50 ETF (RMB) ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นของประเทศจีน และมีกลยุทธ์เชิงรับ (Passive Strategy) เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี FTSE China A50 (ดัชนีอ้างอิง) มากที่สุด
“จุดเด่นของดัชนี FTSE China A50 คือการเป็นดัชนีหุ้นที่สำคัญในตลาดหุ้น A-Share หรือหุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นของประเทศจีน ที่ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 50 บริษัทแรก มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง และมีน้ำหนักในหุ้นกลุ่มการเงินและธนาคารในสัดส่วนค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธนาคารพาณิชย์สำคัญๆ ที่เน้นทำธุรกิจในประเทศจีนเป็นหลัก จึงมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศน้อยกว่าธนาคารที่เน้นทำธุรกิจในต่างประเทศ” นายนาวินกล่าว
ด้านมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุน นายนาวินเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนยังสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าปีนี้การเติบโตจะชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า แต่ทางการจีนก็ยังมองเป้าหมายการเติบโตในปี 2558 ที่ระดับ 7% ซึ่งยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยปัจจัยสนันสนุนหลักจะมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ของรัฐบาล ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย การลดอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และการเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการบริโภคในประเทศ ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการลดค่าเงินหยวนเพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของจีน นอกจากนี้การเปิดเสรีเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างหุ้นจีนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง รวมถึงการเพิ่มโควต้าการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดและเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นจีนในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้น A-Share มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วโดยปรับตัวขึ้นกว่า 100% ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนและปรับตัวลงแรงจากการขายทำกำไรของผู้ลงทุนรายย่อย โดยตลาด A-Share ปรับตัวลงมากว่า 12% จากจุดสูงสุดในรอบปี 2558 ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นเพียงปัจจัยที่มากระทบในระยะสั้นเท่านั้น และทำให้มูลค่าของหุ้นจีนกลับมาอยู่ในระดับที่ไม่แพงจนเกินไปนัก โดยอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ของดัชนี FTSE China A50 ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 9.78 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ระดับ 14.13 เท่า ทำให้ราคาหุ้นยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นได้ บลจ.กสิกรไทย จึงมองว่าผู้ลงทุนสามารถอาศัยช่วงที่หุ้นปรับฐานลงนี้ เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลกำไรจากตลาดหุ้นจีนได้
ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นจีน (K-CHX) ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท โดยสามารถชื้อหน่วยลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสามารถลงทุนออนไลน์ผ่านบริการ K-Cyber Invest ที่มีความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมทั้งยังสามารถสมัครใช้บริการ DIY Target Fund บริการเสริมที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนตั้งเป้าหมายการลงทุนด้วยตนเอง เพื่อเป็นตัวช่วยในการจับจังหวะซื้อขายทำกำไรได้ทันต่อสถานการณ์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888