กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--PR Story
การดำเนินชีวิตที่เร่งรีบและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลงและโรคภัยไข้เจ็บต่างๆตามมาได้ โดยเฉพาะโรคหวัด ด้วยในยุคปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพด้วยวิถีธรรมชาติบำบัดกำลังมาแรง คนส่วนใหญ่จึงหันมาดูแลตัวเองด้วยแพทย์ทางเลือก โดยการใช้สมุนไพร เพื่อช่วยลดการใช้ยาปฏิชีวนะ
สมุนไพรสำหรับการรักษาโรคหวัด มีอยู่หลายชนิด หนึ่งในนั้นคือสมุนไพรที่มีชื่อเรียกว่า"เอ็กไคนาเซีย" (Echinacea) พืชท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งสมุนไพรชนิดนี้เป็นไม้ยืนต้น มีประวัติว่าถูกนำมาใช้โดยชนพื้นเมืองอเมริกันอินเดียน ใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บและเจ็บป่วย
ส่วนทางยุโรปเริ่มมีการนำมาใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัสที่ไม่รุนแรง เช่น โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ไข้หวัด แต่ในปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีในการสกัด เพื่อดึงสารสำคัญในเอ็กไคนาเซียออกมาในรูปแบบน้ำ ช่วยให้สะดวกในการนำมาใช้มากขึ้น
มิสแคทเธอลีน คูลลิ่ง Naturopath, Health Trainer and Educator จากสถาบันวิจัยแบลคมอร์ส ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า เอ็กไคนาเซีย มี 9 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีนำมาใช้ในแพทย์ทางเลือก คือ เพอร์พูเรีย (Purpurea) และแองกัสติโฟเลีย(Angustifolia) โดยใช้ส่วนต้นขณะออกดอก และราก สำหรับเอ็กไคนาเซีย ในรูปแบบน้ำ ส่วนใหญ่จะสกัดมาจากสายพันธุ์เพอร์พูเรีย มีส่วนประกอบที่สำคัญคือ อัลคิลเอไมด์ (Alkylamides) ซึ่งช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันให้เหมาะสม ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเป็นหวัด เอ็กไคนาเซียออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส สามารถลดระยะเวลาของการเป็นหวัด
การรับประทานสมุนไพรเอ็กไคนาเซีย ภายใน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เมื่อเริ่มมีอาการหวัดทำให้ลดโอกาสการใช้ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะลงได้อีกด้วย แต่หากทานหลังจากนั้นแนะนำให้ทานสมุนไพรเอ็กไคนาเซียควบคู่กับยาอื่น ซึ่งจะทำให้ลดระยะเวลาของการเป็นหวัดได้ 10 – 40 % โดยหยดในปริมาณที่แนะนำกับน้ำดื่มหรือน้ำผลไม้ที่ชอบ สมุนไพรเอ็กไคนาเซียในรูปแบบน้ำ เหมาะกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป และทุกคนในครอบครัว
โดยปกติแล้วคนเรามักจะเป็นหวัดจากการติดเชื้อไวรัสก่อน ซึ่งจะมีอาการน้ำมูกไหล ไอ จามถ้าร่างกายอ่อนแอก็จะติดเชื้อแบคทีเรียตามมาได้ ในช่วงที่ติดเชื้อแบคทีเรียแล้วมักจะเกิดอาการเจ็บคอ สารสกัดสมุนไพรเอ็กไคนาเซียในรูปแบบน้ำ นอกจากจะยั้บยั้งเชื้อไวรัส ฆ่าเชื้อแบคทีเรียแล้วยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้อีกด้วย โดยใช้เอ็กไคนาเซียในรูปแบบน้ำ ผสมน้ำกลั้วคอแล้วกลืน หลังกลั้วคอ งดดื่มน้ำ หรืองดรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์อยู่บริเวณที่เจ็บคอ
การที่เอ็กไคนาเซีย มีสารสำคัญที่ช่วยปรับภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รวมถึงคนกลุ่มคนที่มีปัญหาเรื่องต่อมน้ำเหลืองอุดตัน เช่น คนที่ผิวเป็นหนองง่าย การรับประทานเอ็กไคนาเซีย เป็นระยะเวลา 4 เดือนต่อเนื่องร่วมกับซิงค์ และวิตามินซี จะช่วยให้การทำงานของต่อมน้ำเหลืองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การติดเชื้อลดลง
มิสแคทเธอลีน ยังได้แนะนำวิธีการป้องกันโรคหวัดอีกว่า การรับประทานเอ็กไคนาเซีย ควบคู่กับวิตามินซี และซิงค์ จะยิ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ออกฤทธิ์เพิ่มขึ้น เพราะวิตามินและแร่ธาตุแต่ละตัวช่วยดูแลร่างกายด้วยกลไกที่แตกต่างกัน
" ในปัจจุบัน 60% ของคนออสเตรเลียหันมาใช้แพทย์ทางเลือกมากขึ้น โดยนิยมใช้สมุนไพร วิตามินและแร่ธาตุ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้วิธีการดังกล่าวยังเป็นที่แพร่หลายทั้งในอเมริกา ยุโรป และเอเซียอีกด้วย" มิสแคทเธอลีน กล่าวในที่สุด