กรุงเทพ--20 พ.ย.--กรมทะเบียนการค้า
นายนรวัฒน์ สุวรรณ อธิบดีกรมทะเบียนการค้าแจ้งว่าในเดือนพฤศจิกายน 2540 ได้คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว วันละ 4,666 เมตริกตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง วันละ 429 เมตริกตัน คิดเป็นร้อยละ 8.4 ทั้งนี้เนื่องจาก การปรับราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้นอีกกิโลกรัมละ 2.65 บาท เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตามนโยบายการปล่อยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวลอยตัว ทำให้คาดว่าผู้บริโภคจะประหยัดเพิ่มขึ้นโดยการใช้ก๊าซฯ เป็นปริมาณลดลง โดยใช้เป็นเชื้อเพลิงวันละ 4,329 เมตริกตัน ลดลงวันละ 158 เมตริกตัน คิดเป็นร้อยละ 3.5 เป็นการลดลงของก๊าซฯ ที่นำไปใช้ในรถยนต์ร้อยละ 6.0, ก๊าซฯ ที่นำไปใช้ในครัวเรือนร้อยละ 3.6 และก๊าซที่ใช้ในอุตสาหกรรมร้อยละ 1.9 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้ ดังนี้
ใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือน โดยบรรจุถังหุงต้ม 3,287 เมตริกตัน/วัน หรือ 76%
ใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ 312 เมตริกตัน/วัน หรือ 7%
ใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรม 730 เมตริกตัน/วัน หรือ 17%
นอกจากนี้มีการนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอีกวันละ 337 เมตริกตัน
การจัดหา มีปริมาณวันละ 7,151 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา วันละ 1,971 เมตริกตัน คิดเป็นร้อยละ 38.1 โดยได้จากโรงกลั่นวันละ 3,221 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นวันละ 797 เมตริกตัน คิดเป็นร้อยละ 32.9 การเพิ่มขึ้นเนื่องจากโรงกลั่นระยอง และสตาร์สามารถผลิตก๊าซฯได้สูงขึ้น ส่วนโรงแยกก๊าซฯ ผลิตได้วันละ 3,543 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นวันละ 997 เมตริกตัน คิดเป็นร้อยละ 39.2 เป็นผลจากโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 3 ที่เริ่มดำเนินการเมื่อต้นปี นอกจากนี้ยังรับผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอีกวันละ 387 เมตริกตัน ซึ่งการจัดหาภายในประเทศเพียงพอต่อความต้องการใช้โดยมากกว่าความต้องการใช้อยู่วันละ 2,485 เมตริกตัน ทำให้สามารถส่งก๊าซฯ ออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศในแถบอินโดจีนได้อีก วันละ 1,199 เมตริกตัน--จบ--