กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
บรรยายภาพ (จากซ้าย): นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและชีฟโค้ช บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) และ นายเซตียวัน อลูวี ประธานกรรมการบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา ร่วมลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการ ณ กรุงจาการ์ต้า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านเวชภัณฑ์คุณภาพสูงและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอาเซียนขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ พีที ซิดน่า ฟาร์มา หนึ่งในบริษัทด้านเวชภัณฑ์ชั้นนำของอินโดนีเซีย
นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและชีฟโค้ช บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในพิธีลงนามในสัญญาว่า“อินโดนีเซียถือเป็นตลาดสำคัญสำหรับธุรกิจด้านเวชภัณฑ์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 12.5 ต่อปี การร่วมทุนกับบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา นี้จะเป็นอีกหนึ่งย่างก้าวที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจในวงการเฮลธ์แคร์ และเมก้ามีความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนานี้”
สัญญาฉบับนี้จะทำให้เมก้าสามารถนำระบบการจัดส่งประสิทธิภาพสูงเข้าไปใช้ในการจัดส่งยาในอินโดนีเซียได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง โดยการดำเนินการถ่ายทอดทักษะด้านระบบเทคโนโลยีและการจัดการการผลิต ผ่านบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา ที่มีความเชี่ยวชาญอยู่ในพื้นที่
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อตกลงนี้จะทำให้เมก้าสามารถเข้าครอบครองตลาดที่ใหญ่สุดในอาเซียน ด้วยการนำความชำนาญในการทำธุรกิจด้านเวชกรรมมาผนวกกับความสามารถด้านการผลิตอันแข็งแกร่งของซิดน่า ฟาร์มา ซึ่งจะทำให้เมก้าสามารถเจาะตลาดเข้าไปจำหน่ายเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคุณภาพสูงได้มากขึ้น และในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งสองบริษัทกำลังจะร่วมกันเปิดโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซีย และลงทุนด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จดทะเบียนใหม่ๆ และการขายร่วมกันอีกด้วย
การร่วมทุนนี้เกิดขึ้นจากการบังคับใช้แผนการประกันสุขภาพแห่งชาติของอินโดนีเซียหรือ BPJS เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 โดยในปัจจุบัน ประเทศอินโดนีเซียมีบริษัทผู้ผลิตจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจด้านเวชกรรมทั้งที่เป็นของอินโดนีเซียและของต่างชาติรวมราว 175 บริษัท และการร่วมมือระหว่างบริษัทไทยและอินโดนีเซียในครั้งนี้จะทำให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเวชภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน
มูลค่าตลาดในกลุ่มเฮลท์แคร์ทั้งหมดของอินโดนีเซียอยู่ที่ 23 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยตลาดเวชกรรมมีมูลค่าประมาณ 6.24 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ด้วยจำนวนประชากรของอินโดนีเซียกว่า 256 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซียและไทยในครั้งนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศมีความแข็งแกร่งมากขึ้น นับตั้งแต่อินโดนีเซียมีการบังคับใช้กฎหมายในปี พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้บริษัทเวชภัณฑ์ต่างชาติต้องเข้าเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทผู้ผลิตสัญชาติอินโดนีเซียจึงจะทำการจดทะเบียนสินค้าได้
นายเซตียวัน อลูวี ประธานกรรมการบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา กล่าวว่า “ซิดน่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทสัญชาติไทยอย่าง เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ที่จะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคุณภาพระดับโลกในตลาดอินโดนีเซีย ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทในครั้งนี้ถือเป็นแบบอย่างในการแลกเปลี่ยนความรู้ความชำนาญระหว่างประเทศในอาเซียนด้วยกัน ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแท้จริงของการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”