กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--Image Impact
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส มีความผูกพันมานานกับเรื่องราวและตำนานของดนตรีร่วมสมัย นับแต่การถือกำเนิดของดนตรีร็อค แอนด์ โรล กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ความรักและผูกพันนี้ยังคงอยู่ ด้วยการที่ศิลปินระดับโลกเลือกใช้รถยนต์โรลส์-รอยซ์เป็นเครื่องประกาศความสำเร็จของตน และด้วยเหตุนี้ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จึงภูมิใจนำเสนอยนตรกรรมรุ่น เรธ 'อินสไปร์ บาย มิวสิค'
นับตั้งแต่การเปิดตัวยนตรกรรมรุ่น เรธ ในปีพ.ศ. 2556 ลูกค้าสามารถใช้บริการสั่งทำพิเศษ (บีสโป๊ก) ในการรังสรรค์รถยนต์โรลส์-รอยซ์ รุ่น เรธ พร้อมชุดเครื่องเสียงสำหรับรถยนต์ ที่ถูกออกแบบขึ้นมาให้เป็นสุดยอดระบบเสียงในประวัติศาสตร์วงการยานยนต์ เช่นเดียวกับองค์ประกอบอื่นของยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือของสุดยอดผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ และสำหรับเรธ 'อินสไปร์ บาย มิวสิค' เป็นการรวมไว้ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้ และวัสดุอุปกรณ์อันเลอค่าที่ถูกนำมาใช้ในชุดเครื่องเสียงที่เป็นจุดเด่นสร้างสรรค์ให้เกิด "พื้นที่ส่วนตัวที่อบอวลไปด้วยเสียงดนตรี" ก่อให้เกิดประสบการณ์การฟังดนตรีสุดพิเศษอันหาที่เปรียบมิได้
"ยนตรกรรมรุ่น เรธ 'อินสไปร์ บาย มิวสิค' ได้รับความสนใจจากผู้ที่มองหารถยนต์โรลส์-รอยซ์ที่มีเอกลักษณ์ และความโดดเด่นทางความคิดสร้างสรรค์ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยสะดุดตากับการเลือกใช้วัสดุชิ้นส่วนที่ทำจากทองแดงในชุดเครื่องเสียงสำหรับรถยนต์ที่สั่งทำขึ้นพิเศษ ทำให้บรรยากาศในการฟังดนตรีจากสุดยอดเครื่องเสียงรถยนต์เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่น่าประทับใจ"มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด กล่าว
ภายนอกถูกตกแต่งด้วยสีทองแดงเฉด Lyrical Copper ที่มาพร้อมกับการผสมผสานอย่างลงตัวของพื้นผิวแบบโชว์ฝีแปรงและขัดเงาอย่างมีรสนิยม บ่งบอกให้รู้ว่ามีแต่เครื่องเสียงชั้นเลิศเท่านั้นที่จะใช้ทองแดงเป็นส่วนประกอบ เมื่อเปิดประตูรถยนต์จะเห็นถึงรายละเอียดในการนำเสนอยนตรกรรมรุ่นพิเศษนี้ภายใต้แนวคิดของการใช้โทนสีทองแดง ด้วยฝาครอบลำโพงที่เข้ากันกับสีภายนอก พร้อมแผ่นทองแดงสลักคำว่า "Bespoke Audio" วัสดุที่ใช้บุบานประตูด้านใน และพรมรองเท้าทำมาจากหนังทอลายอย่างละเอียด ช่วยขับให้ด้านในของรถยนต์ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง บานประตูยังตกแต่งด้วยแผ่นทองแดงทรงเรียวยาวเล็กในส่วนปลาย ที่ถูกออกแบบให้เน้นเส้นโค้งภายในรถยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของยนตรกรรมรุ่น เรธ
การต่อลายแบบบุคแมทช์ของวัสดุทองแดง ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกสำหรับแผงหน้าปัดของยนตรกรรมรุ่น เรธ สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มคมชัดของลักษณะเด่นมากยิ่งขึ้น และโทนสีทองแดงยังถูกนำมาใช้ในส่วนของหมุดย้ำเบาะที่นั่งที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นนี้อีกด้วย
รายละเอียดอันพิถีพิถันที่ถูกบรรจงประกอบไว้ในระบบเครื่องเสียงนี้ ได้ถูกสร้างให้กลมกลืนกับทุกองค์ประกอบแห่งการสร้างสรรค์ยนตรกรรมหรูนี้ ตัวอย่างเช่นขอบหน้าปัดนาฬิกาได้รับการออกแบบให้ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างทองแดงและเงิน ในขณะที่ขอบนอกสุดของหน้าปัดได้ถูกสร้างอย่างมีลูกเล่นให้ดูเหมือนและให้ความรู้สึกเหมือนกับแผ่นเสียงไวนิล
ชุดเครื่องเสียงสำหรับรถยนต์ที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นแต่แรกโดยทีมวิศวกรเครื่องเสียงรถยนต์ที่ดีที่สุด กับนักออกแบบตกแต่งภายในห้องโดยสารของโรลส์-รอยซ์ที่ใช้เวลาพัฒนาร่วมกันนานถึงสองปี ทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพแห่งเสียงที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับห้องโดยสารอย่างถึงที่สุดแล้ว ความต้องการความสมบูรณ์แบบที่สุดนั้นมีความสำคัญอันดับหนึ่งซึ่งนักออกแบบภายในห้องโดยสารต้องหารือกับหัวหน้าทีมวิศวกรเครื่องเสียงทุกครั้ง เมื่อต้องการปรับย้ายสิ่งใดในห้องโดยสาร
เสียงที่ใสกังวาลเป็นเลิศอย่างมีพลังนี้มีต้นกำเนิดคือลำโพงให้แรงขับ1,300 วัตต์ 18 ชาแนลอันประกอบด้วยลำโพงเบสพลังหนักแน่น1คู่ ทวีตเตอร์ 7 ตัว และลำโพงมิดเรนจ์อีก 7 ตัว ลำโพงแบบ "เอ็กไซเตอร์"1คู่ ที่ถูกประกอบด้วยมือในส่วนหน้าของรถคือบทบาทสำคัญในการนำเสียงสู่โสตประสาทของผู้ฟังในระดับหู เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัดใกล้เคียงเสียงธรรมชาติมากที่สุด มีไมโครโฟนอีกหลายตัวที่คอยตรวจวัดระดับเสียงทั้งในห้องโดยสารและภายนอกเพื่อปรับแต่งระดับความเข้มของเสียงจากเครื่องเสียงโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ฟังจะได้รับฟังดนตรีอย่างเต็มอิ่มทุกตัวโน้ตโดยไม่มีเสียงภายนอกมารบกวน
เรธ 'อินสไปร์ บาย มิวสิค' คือหนึ่งในความสมบูรณ์แบบแห่งสามบุคลิกอันโดดเด่นของการบริการสั่งทำพิเศษ อันประกอบด้วยอย่างแรกคือ เรธ 'อินสไปร์ บาย ฟิล์ม' ซึ่งเน้นความเกี่ยวพันอันเนิ่นนานกับภาพยนตร์ ในขณะที่ เรธ 'อินสไปร์ บาย แฟชั่น' ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยยนตรกรรมหรูไม่ซ้ำแบบใครด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแฟชั่นชั้นสูง
โรลส์-รอยซ์ : ปีแห่งดนตรีร็อค แอนด์ โรล
ในเดือนมกราคม ปีพ.ศ. 2504 เอลวิส เพรสลีย์ได้เดินเข้าไปในโชว์รูมโรลส์-รอยซ์ที่เบฟเวอลีย์ ฮิลส์ ด้วยความสำเร็จอันงดงามจากอาชีพทางด้านดนตรีและจากการแสดงภาพยนตร์ตลอดเวลา 5 ปี เขาสั่งรถยนต์โรลส์-รอยซ์ รุ่น แฟนธอม 5 รถยนต์คันเดียวในโลกเท่านั้นที่คู่ควรกับความเป็น "ราชาเพลงร็อค แอนด์ โรล" แล้วจากนั้นเป็นต้นมายนตรกรรมโรลส์-รอยซ์จึงได้กลายเป็นรถยนต์คู่ใจของนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกมาโดยตลอด
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรลส์-รอยซ์มากมายในด้านนวัตกรรมยานยนต์และวงการดนตรี ตัวอย่างเช่น จอห์น เลนนอนได้ครอบครองแฟนธอม 5 ในปีพ.ศ.2508 ระหว่างที่เขาครอบครองรถยนต์รุ่นนี้เขาได้สั่งทำอุปกรณ์ตกแต่งอันล้ำสมัยสำหรับยุคนั้นหลายรายการ อาทิ โทรทัศน์ ตู้เย็นติดรถ เครื่องเล่นแผ่นเสียง และกระจกทึบแสงรุ่นแรกที่มีใช้ในประเทศอังกฤษ เลนนอนต้องมนต์ขลังกับความสะดวกสบายในห้องโดยสารของรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลกเข้าแล้ว ถึงกับดัดแปลงเบาะหลังรถให้เป็นเตียงคู่เลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม เขายังไม่พอใจนักกับสีดำวาเลนไทน์ของตัวรถ จึงจ้างศิลปินชาวดัทช์ให้ทำสีรถยนต์ใหม่ให้เป็นลวดลายแบบไซเคอเดลิกเพื่อให้เหมือนกับการตกแต่งขบวนคาราวานรถในงานแฟร์ แต่ผลของการตกแต่งกลับไม่เป็นที่ยอมรับนัก ซึ่งเลนนอนยังเคยเล่าถึงเรื่องราวคราวที่มีสตรีคนหนึ่งวิ่งไล่ตามรถของเขาไปพลางร้องตะโกนว่า"ตาบ้า! ตาบ้าเอ๊ย! กล้ามาทำแบบนี้กับรถอย่างโรลส์-รอยซ์ได้ยังไง!"
มีเรื่องราวอยู่เรื่องหนึ่งอันเป็นผลจากความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างโลกแห่งดนตรีกับโรลส์-รอยซ์ที่เริ่มจากเรื่องเล่าสู่ข่าวฉาว เป็นเรื่องของคีธ มูนมือกลองแห่งวง"เดอะ ฮู"และในคืนวันเกิดอายุครบ 21 ปี ของเขาที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ในเมืองฟลินท์ รัฐมิชิแกน เรื่องมีอยู่ว่ามูนผู้คึกคะนองได้ขับโรลส์-รอยซ์ของเขาพุ่งลงสระน้ำของโรงแรม ซึ่งไม่เป็นความจริงและเหมือนจะเอาเรื่องราวสองเรื่องมาขยายความต่อ
เรื่องแรกเป็นเรื่องที่น่าเศร้าแต่ในขณะเดียวกันก็น่าเห็นใจเมื่อมูนไม่ได้เข้าเบรกมือรถไว้ โชคไม่ดีที่เขาจอดรถยนต์ไว้บนทางลาดทอดตัวลงสู่สระว่ายน้ำที่กำลังก่อสร้าง รถเลยไหลลงเนินอย่างสง่างามสู่สระว่ายน้ำอันแห้งผาก ส่วนเรื่องที่สองนั้นค่อนข้างจะเหมือนเรื่องแต่ง คือเมื่อเขาซื้อรถยนต์อเมริกันนั้นมูนพยายามจะใช้เงินจากบัญชีของวงซึ่งตามปกติจะไม่ยอมปล่อยให้ซื้อของได้ตามใจ เขาจึงประท้วงด้วยการเอารถยนต์คันนั้นไปจอดไว้ในบ่อน้ำที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามก่อนจะโทรศัพท์บอกให้ผู้แทนจำหน่ายมายกมันออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำเลยกับรถยนต์โรลส์-รอยซ์แสนรักของตัวเอง