กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
"ทาคูนิ กรุ๊ป" มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง หลังรับรู้รายได้จากธุรกิจก่อสร้างคลังเก็บก๊าซเพิ่มขึ้น
นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า ในส่วนที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องมาจากในช่วงครึ่งหลังของปีบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคลังเก็บก๊าซที่เริ่มงานตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 รวมถึงมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด) ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯในครึ่งปีหลังนั้น รายได้ที่มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคลังเก็บก๊าซนั้นน่ามีจะสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10% ในปีก่อนหน้า น่าจะปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยคิดเป็น 12-15% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สัดส่วนจากการขายก๊าซแอลพีจี (LPG) ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ มีการปรับสัดส่วนที่ลดลงจากเดิมที่มากกว่า 85 - 90% นั้น น่าจะปรับลดลงเหลือราว 78-80% และที่เหลือน่าจะมาจากรายได้อื่นๆ
"รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนั้น รายได้หลักยังคงมาจากการขายก๊าซแอลพีจี ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ แต่ในส่วนของรายได้ที่มาจากการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซที่เพิ่มเข้ามานั้น เป็นรายได้ที่เสริมให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจก่อสร้างนั้นมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ราว 15-18% ซึ่งค่อนข้างสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายก๊าซแอลพีจีที่เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6%" นางสาวนิตากล่าว
สำหรับผลประกอบการรอบครึ่งปีแรกของปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวม 624.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 12.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 553.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 35.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.44 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 149.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 14.32ล้านบาท เนื่องจากนโยบายการปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีของภาครัฐในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ที่ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรสูงขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคลังเก็บก๊าซที่เริ่มงานตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2557
นางสาวนิตา กล่าวต่อว่า สำหรับการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนหลังเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จำนวน 160 ล้านบาทนั้น ขณะนี้บริษัทฯ ได้ใช้เงินตามที่แจ้งไปในหนังสือชี้ชวนแล้วจำนวน 96 ล้านบาท สำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ และบริษัทฯได้มีการเปลี่ยนแปลงเงินทุนที่ใช้สำหรับลงทุนในการขยายสถานีบริการจำนวน 64 ล้านบาท มาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯทดแทนนั้น เนื่องจากบริษัทฯได้ชะลอการขยายสถานีบริการออกไปก่อนเพื่อความเหมาะสมในการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการที่ดี เพื่อก่อประโยชน์สูงสุดให้แก่บริษัทฯ หลังจาก สถานการณ์เกี่ยวกับราคาก๊าซแอลพีจียังไม่มีความแน่นอน ซึ่งหากในอนาคตอันใกล้หากเกิดการเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบโดยทันที