กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เชื่อมั่นธุรกิจโลจิสติกส์รับอานิสงส์หลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงความเชื่อมั่นเอกชนหนุนการลงทุนเพื่อขยายฐานการผลิต พร้อมรับการเปิดตลาด AEC ปลายปีนี้ เชื่อพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศไทยแข็งแกร่ง
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจากทีม ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่มีแผนยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันการเติบโตของประเทศไทยอย่างชัดเจน ได้ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของต่อการลงทุนของภาคเอกชนที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นและพร้อมกลับมาลงทุนเพื่อขยายฐานการผลิตอีกครั้ง ประกอบกับในช่วงปลายปี 2558 ที่มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้การค้า การลงทุน การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจบริษัทฯ ที่มีความพร้อมให้บริการขนส่งสินค้าภาคพื้นดินแบบครบวงจรทั้งในประเทศและข้ามพรมแดนในการให้บริการแก่ลูกค้า
ขณะเดียวกัน ด้วยนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียนจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน จึงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ของไทย
"รัฐมีนโยบายส่งเสริมดึงเม็ดเงินการลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานการผลิต เพื่อส่งออกสินค้าไปยังภูมิภาคในอาเซียน จึงเป็นโอกาสที่ดีของเรา ที่เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินครบวงจร สามารถนำศักยภาพด้านคลังสินค้าที่พร้อมให้บริการ ตลอดจนเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถใการแข่งขัน ในการเข้าให้บริการแก่ลูกค้ารองรับการขยายตัวของโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี" นายชวนินทร์ กล่าว
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจในพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศไทยที่ยังมีความแข็งแกร่ง โดยมีแผนลงทุนขยายธุรกิจก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติมทั้งในไทยและประเทศในกลุ่ม CLMV จึงเตรียมตัวในการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจากผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2555-2557) ที่มีรายได้ 1,675 ล้านบาท 2,114.8 ล้านบาทและ 2,283.9 ล้านบาท เติบโตตามลำดับ รวมถึงในช่วงไตรมาส 2/2558 ที่มีรายได้รวม 1,172.58 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.9% สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่ดีมาโดยตลอด จึงเชื่อว่าหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้นที่ออกนำเสนอขายให้แก่นักลงทุนในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน