กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ. เอ็ม.ซี.เอส สตีล (MCS) ซื้อหุ้น บ.เหล็กในญี่ปุ่น Natsu Steel Structure 66% หวังขยายฐานความแข็งแกร่งในการเป็นศูนย์กลางที่อำนวยความสะดวกด้านการผลิตให้กับบริษัท ในประเทศญี่ปุ่น - เพื่อสนับสนุนการส่งสินค้าทั้งจากไทยและจีน ที่ส่งไปติดตั้งที่ญี่ปุ่น ด้าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร " นายไนยวน ชิ " ระบุ ครึ่งปีหลังแนวโน้มธุรกิจสดใส เหตุ บริษัทฯตุนBack Log ไว้แล้วว่า 200,000 ตัน คาดทยอยรับรู้ได้รายถึงปี 2562 ชี้ ปีนี้ตั้งเป้ารายได้มีลุ้นแตะ 10,000 ล้านเยน จากออเดอร์ที่ทยอยเพิ่มขึ้น และ การบุ๊คกำไรจากอัตราเลกเปลี่ยน
นายไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม.ซี.เอส สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS ผู้ผลิตและจำหน่ายโครงสร้างเหล็กชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยว่า MCS ได้เข้าซื้อหุ้น 66% ใน Natsu Steel Structure Co., Ltd. ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตโครงสร้างเหล็กมาเกือบ 50 ปี มูลค่า 33 ล้านเยน หรือราว 9.65 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ทั้งนี้ Natsu Steel Structure Co., Ltd. เป็นผู้รับจ้างผลิต ออกแบบ และติดตั้งโครงสร้างเหล็ก และเป็นโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน H Grade โดยมีโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองชิบะ มีกำลังการผลิต 18,000 ตัน/ปี และมีระยะทางเพียง 10 กิโลเมตรเพื่อไปยังท่าเรือชิบะ สำหรับการเข้าลงทุนครั้งนี้ เพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งแรกที่อำนวยความสะดวกด้านการผลิตให้กับบริษัท ในประเทศญี่ปุ่น และเพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานงานกับลูกค้าที่ประเทศญี่ปุ่น และเพื่อสนับสนุนการส่งสินค้าทั้งจากไทยและจีน ที่ส่งไปติดตั้งที่ญี่ปุ่น โดยจะเป็นสถานที่ในการแก้ไข เปลี่ยนแปลงกรณีที่ลูกค้ามีความต้องการเพิ่ม ภายหลังการซื้อหุ้นใน Natsu Steel Structure Co., Ltd. แล้ว บริษัทแห่งนี้จะกลายเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และจะดำเนินการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น M.C.S.Natsu Co.,Ltd.
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังนั้น นายไนยวน ชิ กล่าวว่า บริษัทฯยังคงมีแนวโน้มที่สดใส โดยจะเห็นจากมูลค่างานในมือ(Back Log) ในปัจจุบันอยู่ที่ ระดับ 200,000 ตัน โดยมูลค่างานในมือดังกล่าวสามารถทยอยรับรู้ได้ต่อเนื่องถึงปี 2562 และคาดว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าส่วนใหญ่โครงสร้างเหล็กของบริษัทฯ จะมีการส่งออก 95% ไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยงานในมือดังกล่าวไม่รวมโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทในญี่ปุ่น อาทิ งาน Olympic ในปี 2563 ดังนั้นจากดีมานความต้องการใช้เหล็กโครงสร้างในตลาดญี่ปุ่นที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯเชื่อว่าโอกาสที่จะได้รับออเดอร์ใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้นก็มีความเป็นไปได้สูง
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส3/2558 บริษัทฯ ยังได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2558 ที่ค่าเงินเยนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 27 บาทต่อ 100 เยน ซึ่งถือว่ามีการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากรายได้หลักของบริษัทฯส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินเยน ส่งผลให้ในไตรมาสนี้บริษัทฯจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการขยายการลงทุนนั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มว่า บริษัทฯจะตั้งงบประมาณเรื่องการลงทุนปรับปรุงโรงงาน หรือขยายส่วนต่อเติม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเครื่องจักรใหม่ และ การขยายโรงานเพิ่ม ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพ และขยายขีดความสามารถด้านการผลิตให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับประมาณการอัตราการเติบโต ที่บริษัทฯมั่นใจว่าจะมีผลการดำเนินในปี 2558 สดใส โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านเยน