กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--KTAM
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน ทริกเกอร์ ฟันด์ 8% ((KTEURO 8-1) ในวันที่ 16-23 กันยายน 2558 โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares STOXX Europe 600 UCITS ETF (DE) (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อิเล็คทรอนิกส์ ตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมันนี อยู่ภายใต้กฎ UCITS ซึ่งบริหารและจัดการโดย BlackRock Asset Management Deutschland AG ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุน สอดคล้องใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX Europe 600
โดยกองทุนดังกล่าว บริษัทจะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.9000 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป และทรัพย์สินของกองทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ จะต้องเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด หลังจากนั้น บริษัทจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 108 ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท
ทั้งนื้ หากกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้เลิกกองทุนภายใน 8 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจะเปิดทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการ ระหว่างเวลาเริ่มเปิดทำการ – 15.30 น. และระยะเวลาในการรับเงินค่าขายคืน ภายใน5 วันทำการ
นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า กองทุน KTEURO 8-1 มีความน่าสนใจ เนื่องจาก เศรษฐกิจยูโรโซนมีทิศทางฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 1 และไตรมาส2 ถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็นขยายตัว 0.5% และ0.4% เทียบกับไตรมาส4 ปี 2557 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในยูโรโซนในเดือน ส.ค. พุ่งขึ้นแตะระดับ 104.2 จุด สูงสุดในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ ยูโรโซนยังได้รับแรงกระตุ้นอีกมาก จากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ QE ที่ดำเนินอยู่ ค่าเงินยูโรที่อ่อนค่า การใช้จ่ายภาครัฐที่กลับมาขยายตัวหลังจากสิ้นสุดมาตรการรัดเข็มขัด และราคาสินค้าพลังงานที่ลดลง
การประชุมธนาคารกลางยุโรป ( ECB) ที่ผ่านมา ยังคงยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการ QE ในวงเงิน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนไปจนถึงกันยายน 2559 เป็นอย่างน้อย และอาจมีการเพิ่มวงเงินหรือขยายเวลาQE ก็ได้หากมีความจำเป็น รวมถึงได้ขยายเพดานการเข้าซื้อพันธบัตรแต่ละรุ่นเป็นไม่เกิน 33% จากเดิมที่ไม่เกิน 25% ทำให้ ECB สามารถซื้อบอนด์แต่ละรุ่นได้มากขึ้น
การที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย แต่ ECB ยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินอยู่นี้ อาจทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกในยุโรป ปัญหาหนี้สินของกรีซได้คลี่คลายลงไปแล้ว กรีซสามารถตกลงเงื่อนไขกับเจ้าหนี้และได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย Bloomberg Consensus คาดบริษัทจดทะเบียนในดัชนี Stoxx Europe 600 มีอัตราการเติบโตของของกำไรสุทธิที่ 35.0% และ 10.8% ในปีหน้า ขณะที่ระดับสัดส่วน Forward P/E อยู่ที่ประมาณ 15.4 เท่า ยังต่ำกว่า P/E สำหรับดัชนี S&P500 ที่ประมาณ 16.6 เท่า จากข้อมูลวันที่ 8 ก.ย. 58