KTAM ขายทริกเกอร์ยุโรป 16-23 กันยายนนี้ มุ่งสู่เป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ใน 8 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 14, 2015 09:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์ นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)? เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน ทริกเกอร์ ฟันด์ 8% (KTEURO 8-1) ในวันที่ 16-23 กันยายน 2558 โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares STOXX Europe 600 UCITS ETF (DE) (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อิเล็คทรอนิกส์ ตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมันนีอยู่ภายใต้กฎ UCITS ซึ่งบริหารและจัดการโดย BlackRock Asset Management Deutschland AG ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุน สอดคล้องใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX Europe 600 กองทุนดังกล่าวบริษัทจะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.9000 บาท เป็นเวลา3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป และทรัพย์สินของกองทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ จะต้องเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด หลังจากนั้นบริษัทจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่า 108 % ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท ทั้งนื้หากกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้เลิกกองทุนภายใน 8 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจะเปิดทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการระหว่างเวลาเริ่มเปิดทำการ – 15.30 น.และระยะเวลาในการรับเงินค่าขายคืนภายใน 5 วันทำการ นางชวินดากล่าวต่อว่า กองทุน KTEURO 8-1 มีความน่าสนใจ เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนมีทิศทางฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตัวเลขอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาสที่ 1 และไตรมาส 2 ถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็นขยายตัว 0.5% และ0.4% เทียบกับไตรมาส4 ปี 2557 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในยูโรโซนในเดือน ส.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 104.2 จุด สูงสุดในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ยูโรโซนยังได้รับแรงกระตุ้นอีกมาก จากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินอยู่ค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ การใช้จ่ายภาครัฐที่กลับมาขยายตัวหลังจากสิ้นสุดมาตรการรัดเข็มขัด และราคาสินค้าพลังงานที่ลดลง การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ผ่านมา ยังคงยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการ QE ในวงเงิน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนไปจนถึงกันยายน 2559 เป็นอย่างน้อย และอาจมีการเพิ่มวงเงินหรือขยายเวลา QE ก็ได้หากมีความจำเป็น รวมถึงได้ขยายเพดานการเข้าซื้อพันธบัตรแต่ละรุ่นเป็นไม่เกิน 33% จากเดิมที่ไม่เกิน 25%ทำให้ ECB สามารถซื้อบอนด์แต่ละรุ่นได้มากขึ้น นอกจากนั้นการที่ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโนบาย แต่ ECB ยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินอยู่นี้ อาจทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกในยุโรป ปัญหาหนี้สินของกรีซได้คลี่คลายลงไปแล้ว กรีซสามารถตกลงเงื่อนไขกับเจ้าหนี้และได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย Bloomberg Consensus คาดบริษัทจดทะเบียนในดัชนี Stoxx Europe 600 มีอัตราการเติบโตของของกำไรสุทธิที่ 35.0% และ 10.8% ในปีหน้า ขณะที่ระดับสัดส่วน Forward P/E อยู่ที่ประมาณ 15.4 เท่า ยังต่ำกว่า P/E สำหรับดัชนี S&P 500 ที่ประมาณ 16.6 เท่า จากข้อมูลวันที่ 8 ก.ย. 58

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ