กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--IR PLUS
UPOIC เล็งซื้อที่ดิน ปลูกสวนปาล์ม เพิ่มเติมทดแทน พื้นที่สัมปทาน ของ บริษัทย่อยที่หมดอายุลง ซึ่งเมื่อกลาง ปีที่แล้ว บริษัทย่อยดัง กล่าว ได้ทำสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ในพื้นที่ครึ่งหนึ่งของจำนวนพื้นที่ ที่ใช้ประโยชน์ เรียบร้อยแล้ว และบริษัทอยู่ ในระหว่างปลูก ปาล์มทดแทน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี ส่วนสัมปทานกับกรมป่าไม้ที่หมดอายุเมื่อต้นปีนี้นั้น บริษัทย่อยอยู่ ในระหว่าง ดำเนินการขอใบ อนุญาตเข้าทำ ประโยชน์ "อัญชลี สืบจันทศิริ" เผยทิศทางผลผลิตปาล์มทั้งประเทศในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตดีกว่าในช่วง เดียวกันกับปี ที่แล้ว หลังปัญหาภัยแล้งคลี่คลาย ปริมาณปาล์มดิบ ออกสู่ตลาดมาก ขึ้น ส่งผลต้นทุนบริษัทฯ ลดลง
นางสาวอัญชลี สืบจันทศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (มหาชน) หรือ UPOIC ยังได้เปิดเผยถึง ทิศทางธุรกิจ ครึ่งปีหลัง คาดว่าจะลดลงกว่าช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าผลผลิต ปาล์มในไตรมาส 4 จะสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว แต่เนื่องจากผล กระทบจากการ ประกาศของคณะ กรรมการนโยบาย ปาล์มน้ำมัน แห่งชาติ (กนป.) ซึ่งกำหนดให้รับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงในราคาเดียวกัน ไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 4.20 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ 3.20 บาท ณ หน้าโรงสกัดน้ำมันปาล์มและจุดรับซื้อในพื้นที่ รวมทั้งกำหนด ให้โรงกลั่นฯ โรงผลิตไบโอดีเซล และผู้รับซื้อ น้ำมันปาล์มดิบ ทั่วไปรับซื้อ น้ำมันปาล์มดิบ ในราคาไม่ต่ำ กว่ากิโลกรัมละ 26.20 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ 20.30 บาท การประกาศดังกล่าวทำให้ไทยสูญเสียศักยภาพในการส่งออกน้ำมันดิบ ซึ่งในปี 2557 มีจำนวนมากถึง 167,060 ตัน ทำให้ปริมาณสต็อคน้ำมันปาล์มดิบทั้งประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งมีประมาณ 155,870 ตัน เป็น 384,798 ตัน ในเดือนพ.ค.2558 ส่งผลราคาขาย น้ำมันปาล์มดิบ ปรับลดลงจากปี ก่อน โดยคาดว่ายอดขายของบริษัทในปีนี้จะลดลงประมาณร้อยละ10
นอกจากนี้การที่บริษัทย่อยได้ต่อสัมปทานในพื้นที่ปลูกปาล์มเพียงครึ่งหนึ่ง ทำให้บริษัท ต้องซื้อผล ปาล์มสดจากภาย นอกมาทดแทน มีผลให้ต้นทุนสูงขึ้น โดยสัดส่วนการ ซื้อผลปาล์มสด จากภายนอกเพิ่ม ขึ้นเป็น 70% จากเดิมที่ซื้อ จากสวนภายนอก 40-50%
ปัจจุบัน บริษัทฯมีพื้นที่ปลูกปาล์ม 29,072 ไร่ ที่จ.กระบี่ และจ.สุราษฎร์ธานี โดยเป็นพื้นที่ บริษัท20,684 ไร่ พื้นที่สัมปทานที่ต่ออายุแล้ว 4,094 ไร่ และพื้นที่สัมปทานที่เช่า 4,294 ไร่ โดยคาดว่าในปี 2558 จะได้ผลผลิตราว 76,000 ตัน ส่วนพื้นที่สัมปทานที่หมดอายุเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 บริษัทย่อยอยู่ ระหว่างดำเนิน การขอใบอนุญาต กับกรมป่าไม้ นั้น ซึ่งต้องรอว่ารัฐบาลจะต่ออายุสัมปทานให้หรือไม่ ดังนั้น บริษัทฯได้เตรียมหาซื้อที่ดินใช้ในการขยายการปลูกปาล์ม โดยการที่ บริษัทฯมี พื้นที่ปลูกสวน ปาล์มเองนั้น ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบต่ำกว่าการซื้อผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอก
อนึ่ง ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในงวดไตรมาส 2/2558 เริ่มฟื้นตัว โดยมีกำไรสุทธิ 39.45 ล้านบาท จากไตรมาสแรก ที่ขาดทุน 22.6 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 655.92 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 738.26 ล้านบาท ลดลง 82.43 ล้านบาท หรือลดลง 11.15% กำไรสุทธิอยู่ที่ 16.78 ล้านบาท จากงวดเดียวกัน ของปีก่อนอยู่ ที่ 217.13 ล้านบาท ลดลง 200.35 ล้านบาท หรือลดลง 92.27%