ถก 3 ข้อ เร่งแก้ปัญหาชาวไร่อ้อย

ข่าวทั่วไป Wednesday November 26, 1997 18:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--26 พ.ย.--ธ.ก.ส.
ธ.ก.ส. พร้อมถกเงื่อนไขหามาตรการช่วยชาวไร่อ้อยรับฤดูเพาะปลูกปี 41 ชี้เห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ที่เสนอให้นำเงินทุนมารวมกัน เตรียมหาข้อสรุป 27 พฤศจิกายน นี้
นายอาทร เพชรรัตน์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าว ธ.ก.ส. จะปล่อยเงินกู้ให้แก่โรงงานน้ำตาล ประมาณ 1,000 ล้านบาทว่า ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ โดยนายเจริญ จรรย์โกมล ได้เชิญธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนโรงงาน ผู้แทนเกษตรกรชาวไร่อ้อยและผู้บริหารของ ธ.ก.ส.ไปหารือเรื่อง การให้กู้เงินแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยด้วยวิธีรับซื้อลดเช็คที่ออกโดยโรงงานน้ำตาลไม่ใช่เป็นการให้กู้โดยตรงแก่โรงงานน้ำตาลตามที่เป็นข่าวแต่ประการใด ทั้งนี้เป็นเพียงการหารือในเบื้องต้น เพื่อหาทางช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย ซึ่งเป็นหัวหน้าโควต้ากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยที่ไม่สามารถนำเช็คที่ออกโดยโรงงานน้ำตาลไปขายลดให้แก่ ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นได้ตามปกติเช่นที่เคยปฎิบัติเป็นประจำในทุก ๆ ปี เนื่องจากในปีนี้ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่น ๆ ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในเรื่องการให้สินเชื่อ อันเนื่องมาจากปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่มีเงินที่จะลงทุนปลูกอ้อยในฤดูการผลิตปี 41 ที่จะมาถึงนี้
นายอาทรกล่าวต่อไปว่าในส่วนของ ธ.ก.ส.พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของ ธ.ก.ส.ที่มีอยู่ในปัจจุบัน จำเป็นต้องนำไปเป็นทุนในการประกอบการเกษตรให้กับลูกค้าเดิมที่มีอยู่กว่า 4.7 ล้านครัวเรือน รวมทั้งการขยายงานตามแผนงานเท่านั้น ฉะนั้นการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยในครั้งนี้ ทุกหน่วยงานคงต้องเข้ามามีส่วนร่วมและหามาตรการที่เหมาะสมต่อไป โดยควรจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน และไม่กระทบกับสถาบันการเงินที่เข้าไปมีส่วนสนับสนุนด้วย
นายอาทร กล่าวอีกว่า ในการหารือกับคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ที่จะขอให้ ธ.ก.ส.เข้าไปช่วยเหลือโดยการรับซื้อส่วนลดเช็คแทนธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันทางเงินอื่น ๆ ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านบาท นั้น ถือเป็นธุรกรรมที่ ธ.ก.ส. ยังไม่เคยดำเนินการในด้านนี้ ดังนั้นคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ จึงได้หาทางออกให้กับ ธ.ก.ส.โดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อพิจารณาร่วมกัน 3 ข้อ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น กล่าวคือ
ข้อแรก ขอให้นำเงินกองทุนอ้อยและน้ำตาลประมาณ 500 ล้านบาทมาฝากไว้กับ ธ.ก.ส.ในอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน เพื่อช่วยลดต้นทุนเงินที่ ธ.ก.ส.จะต้องไปกู้มาสมทบอีกประมาณ 500 ล้านบาท
ข้อที่ 2 ธ.ก.ส. มีสิทธิ์ที่จะพิจารณาให้กู้หรือไม่ให้กู้ด้วยวิธีรับซื้อลดเช็คจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยรายใดก็ได้ในกรณีที่เห็นว่าเกษตรกรไม่ได้นำเงินไปลงทุนปลูกอ้อยจริงตามวัตถุประสงค์และ
ข้อที่ 3 ให้บริษัทผู้ซื้อน้ำตาลไปจำหน่ายหรือส่งออกจ่ายเงินค่าน้ำตาลให้แก่โรงงานน้ำตาลผ่านบัญชีเงินฝากของโรงงานน้ำตาลที่เปิดไว้กับธ.ก.ส. และให้ ธ.ก.ส.จัดสรรเงินในบัญชีดังกล่าว เพื่อชำระหนี้ตามเช็คที่ออกโดยโรงงานน้ำตาลได้ ซึ่งเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อนี้ จะต้องร่วมกันพิจารณาอีกครั้งในที่ประชุมคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะรับได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นในชั้นนี้ ธ.ก.ส.จึงยังไม่อาจดำเนินการให้สาขาในพื้นที่รับซื้อลดเช็คจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ เพราะจะต้องรอข้อสรุปเกี่ยวกับเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อดังกล่าว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ