กรุงเทพ--10 ก.ย.--ไทยคันทรีคลับ
นายพิชิต นิ่มกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาวน์ แคนด์ คันทรี สปอร์ต จำกัด เจ้าของโครงการที่ดินและสนามกอล์ฟไทยคันทรีคลับ สนามกอล์ฟชั้นสูงเฉพาะสมาชิก บนถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 35.5 เผยความสำเร็จต่อเนื่องตลอดปีหลังเปิดตัว การแข่งขันระดับโลก เอเชี่ยน ฮอนด้า คลาสสิค เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ว่าบรรลุยอดสมาชิกกว่า 200 บริษัท และคาดว่าปี 2540 จะมีการเติบโตต่อเนื่องถึง 30% หวังยอดสมาชิกอีกกว่า 50 บริษัท
นับจาก เอเชี่ยน ฮอนด้า คลาสสิค เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่สร้างความฮือฮาจากการนำเอา ไทเกอร์ วู้ด นักกอล์ฟดาวรุ่งระดับโลก สายเลือดไทย-อเมริกัน มาร่วมการแข่งขันทำให้ไทยคันทรีคลับเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ซึ่งนายพิชิต นิ่มกุล ได้กล่าวถึงจุดเด่นของสนามกอล์ฟว่า.... "สนามของเราได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกอล์ฟระดับสูง และบริษัทข้ามชาติใหญ่ ๆ ทั้งนี้ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่นหลัก ๆ คือ ประการแรก ความสวยงามของสนามที่ได้รับการเนรมิตให้สร้างความสนุกสนานประทับใจแก่นักกอล์ฟด้วยการเลือกใช้ หญ้าพาสพาลัม (PASPALUM) หญ้าคุณภาพเยี่ยมจากฮาวายเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวของไทยโดยการออกแบบตรงตามมาตรฐาน PGA ซึ่งออกแบบโดย มร.เดนิส กริฟฟิทส์ (Danis Griffiths) สถาปนิกนักออกแบบสนามกอล์ฟชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประการที่สอง ระบบบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันได้มาตรฐานเพนนินซูล่า ซึ่งคลับเฮาส์ได้รับการออกแบบอย่างละเอียดอ่อนด้วยการผสมผสานความงามของบรรยากาศความอบอุ่นแบบตะวันออกเข้ากับความหรูหราแบบตะวันตก อันประกอบไปด้วย ห้องประชุม ห้องอาหารและภัตตาคารที่บริการอาหารแบบนานาชาติ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแยก ชาย-หญิง ที่หรูหราพร้อมด้วยสระน้ำวนและห้องอบไอน้ำ นอกจากนี้ความสะดวกสบายจากรถกอล์ฟ และแคดดี้ที่ได้รับการอบรมให้มีความเข้าใจในกีฬากอล์ฟ และการบริการอย่างรู้ใจนักกอล์ฟเป็นอย่างดี ประการที่สาม ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความเป็นส่วนตัวภายใต้ระบบสมาชิกซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะสำหรับสมาชิกและแขกของสมาชิกเท่านั้น ทำให้ผู้รักกอล์ฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักบริหารระดับสูง ผู้นำระดับประเทศที่มีความต้องการเป็นสมาชิกของเรา"
รองกรรมการผู้จัดการของไทยคันทรีคลับยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าทางการตลาดในระยะเวลาที่ผ่านมาว่า.... "ความสำเร็จของไทยคันทรีคลับ เกิดขึ้นจากการหาช่องว่างในตลาด เราสร้างนิชมาร์เก็ต โดยกำหนดจุดยืนของตัวเราเองชัดเจนว่า สนามกอล์ฟไทยคันทรีคลับจะเน้นให้บริการกลุ่มนักธุรกิจ เป็น Business Meeting Center ทำให้ที่ผ่านมาการขายสมาชิกได้รับความสำเร็จอย่างยิ่ง เราพูดได้เลยว่าสนามของเราเป็นสนามเดียวในประเทศไทยที่มีนโยบายเน้นสมาชิกประเภทนิติบุคคลมากกว่าแบบประเภทส่วนบุคคล เมื่อเริ่มเปิดตัว เราได้แจ้งกับสมาชิกไว้เลยว่า เป้าหมายเราจะมีสมาชิกประเภทนิติบุคคลทั้งสิ้น 600 บริษัท และมีสมาชิกประเภทส่วนบุคคล 300 คน และพร้อมกันนี้ เราก็ประกาศราคาไว้ว่า เราจะตั้งราคาค่าสมาชิกประเภทนิติบุคคล 1.4 ล้านบาท แต่เนื่องจากเป็นการเปิดตัวปีแรกของเรา เราจึงตั้งราคาโปรโมชั่นไว้ที่ 1.2 ล้าน แต่เมื่อเราได้ยอดสมาชิกนิติบุคคลครบ 150 บริษัท เราจะปรับราคากลับไปเป็น 1.4 ล้านทันที ซึ่งตอนนี้เรามีสมาชิกประเภทนิติบุคคลอยู่ 123 บริษัทแล้ว เราจึงมีแผนที่จะปรับราคาขึ้นในอนาคตอันใกล้ ถ้าถามว่า นี่เป็นการขึ้นราคาที่สวนกระแสเศรษฐกิจไหม ก็อาจจะตอบว่าใช่ แต่เราถือว่า เป็นการรักษาคำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้กับสมาชิก"
สำหรับเป้าหมายการเติบโตทางการตลาดและกิจกรรมทางการตลาดในปี 2541 นายพิชิต ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า.... "ในปีหน้านี้เราคาดหวังว่าสมาชิกจะเพิ่มขึ้นถึง 250 ราย โดยจะเน้นแนวทางการขายตรงเช่นปีที่ผ่านมา แต่จะเพิ่มและพัฒนาการให้บริการแก่สมาชิกให้มากยิ่งขึ้น"
ในด้านโครงการที่ดิน รองกรรมการผู้จัดการได้กล่าวถึงความคาดหมายไว้ว่า "จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเชิงลบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2539 เราได้เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้วถึงความต้องการที่จะมีแนวโน้มการเติบโตลดลง เราจึงยังไม่เน้นกิจกรรมสำหรับเรื่องการจัดสรรที่ดินเท่าไรนัก แต่มาให้ความสำคัญกับเรื่องสนามกอล์ฟ และการให้บริการที่ดีเลิศแก่สมาชิก การทำให้สมาชิกมีความสุขที่สุด เป็นปรัชญาในการทำงานของเรา"
รองกรรมการผู้จัดการไทยคันทรีคลับ กล่าวในที่สุดว่า "แนวโน้มธุรกิจกอล์ฟในอนาคตจะยังสดใสแม้ว่าสนามกอล์ฟที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีอยู่มากมายจนดูเกินความต้องการ นั่นคือ การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการสร้างสนามกอล์ฟใหม่ ๆ อาจไม่มีอนาคตที่ดีนัก แต่ในแง่ของผู้จัดการจะเล่นกอล์ฟเพื่อการออกกำลังกายและสังคม ผมเชื่อมั่นว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"--จบ--