กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--แบงค์คอก ไรเตอร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส
จากเหตุการณ์พายุดีเปรสชัน "หว่ามก๋อ" ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จังหวัดชลบุรี ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ จึงมีประกาศให้เมืองพัทยาเป็นเขตภัยพิบัติตามระเบียบว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมหนักจากพายุ "หว่ามก๋อ" ในหลายพื้นที่ของประเทศ ขอให้ผู้ประสบภัยตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยว่าให้ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมหรือไม่ และเร่งสำรวจความเสียหาย รวมทั้งแจ้งบริษัทที่รับประกันภัยไว้โดยเร็วซี่งกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วม ได้แก่
1. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย และซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มเติม
2. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภทอื่น ที่ซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติเพิ่มเติม
3. กรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR)
4. กรมธรรม์ประกันชีวิต
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เช่น แผ่นดินไหว ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วม ลมพายุ ลูกเห็บตก เป็นต้น สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สิน บ้านเรือนที่อยู่อาศัย เป็นวงกว้าง สำนักงาน คปภ. ขอแนะนำให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการ และภาคอุตสาหกรรม ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติน้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว ภัยลมพายุ และภัยลูกเห็บ อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์ประกันภัยควรศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครอง และรายละเอียดข้อยกเว้นให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการ เพราะหากต้องประสบเหตุการณ์จากภัยธรรมชาติการทำประกันภัยไว้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นได้.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ ฝ่ายสื่อสารองค์กร โทรศัพท์ 02-515-3998-9 ต่อ 8307 โทรสาร 02-513-1437 http://www.facebook.com/PROIC2012