กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--24 คูณ 7
บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในสองตัวแทนจำหน่ายฟิล์มกันร้อน "วี-คูล" ในประเทศไทย ตั้งคำถามด้านธรรมาภิบาลต่อบริษัท อีสท์แมน เคมิคอล อิงค์ ถึงการตัดสินใจของ อีสท์แมนฯ ในการเลือกตัวแทนจำหน่ายเหลือเพียงรายเดียว ทั้งๆ ที่การเจรจายังไม่เป็นที่ยุติ เป็นสิ่งที่บริษัทที่มีธรรมภิบาลพึงกระทำหรือไม่
นายกนต์ธร จตุภัทรพนิต ประธานบริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น ไทย จำกัด เปิดเผยว่าตนมีคำถามที่อยากจะถามต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท อีสท์แมน เคมิคอล อิงค์ ว่าเหตุใดการดำเนินการคัดเลือกสิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายเป็นไปอย่างเร่งรีบและรวบรัด เป็นหลักปฏิบัติอย่างธรรมาภิบาลของ อีสท์แมน เคมิคอล อิงค์ พึงกระทำต่อพันธมิตรคู่ค้าที่มีธุรกิจต่อกันยาวนานถึง 22 ปี ใช่หรือไม่
"ผมอยากจะเรียนย้ำว่าในวันที่พวกเขาแถลงข่าวนี้ เรายังไม่ได้รับเอกสารแม้แต่แผ่นเดียวที่จะยืนยันถึงการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันได้ก็คือบริษัทฯ ยังได้รับฟิล์ม "วี-คูล" ที่สั่งซื้อไปก่อนหน้านั้น แล้วทางอีสท์แมนฯ ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ผมจึงต้องมีคำถามถึงธรรมาภิบาลองค์กรของอีสท์แมน เคมิคอล อิงค์" นายกนต์ธร กล่าว
นายกนต์ธร กล่าวว่าตนเป็นผู้ลงนามการเป็นตัวแทนจำหน่ายฟิล์มวี-คูล แต่ผู้เดียวในประเทศไทยเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้น ฟิล์มวี-คูล ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย และตนไปติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ประเทศสิงคโปร์ และได้สร้างตลาดฟิล์มกรองแสงระดับพรีเมี่ยมให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และฟิล์มวี-คูลได้รับการยอมรับจนถึงวันนี้
"ตามหลักปฏิบัติของบริษัทที่เรียกตัวเองว่ามีธรรมาภิบาลนั้น ก่อนการตัดสินใจใด ๆ ที่จะกระทบต่อพันธมิตรคู่ค้าของตัวเอง เขาจะต้องมีระบบการแจ้งเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้พันธมิตรคู่ค้าสามารถรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่เราได้รับจากบริษัทที่เขาเรียกตัวเองว่ามีธรรมาภิบาลสูงคือแผนกหนึ่งส่งสินค้าให้เราเอาไปขาย ในขณะที่อีกแผนกหนึ่งไปร่วมงานแถลงข่าวการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย"
"ผมเองรักฟิล์มวี-คูลเหมือนลูกของผมคนหนึ่งเพราะผมอยู่กับเขามานานกว่า 20 ปี ผมจึงรับไม่ได้กับการกระทำเช่นนี้เพราะนี่เป็นการทำลายแบรนด์วี-คูลในประเทศไทยโดยตรง ตอนนี้ร้านค้าเกิดความสับสนต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ผมเองก็ต้องปกป้องลูกน้องผมที่เอาสินค้าออกไปขายตลอดช่วงที่ผ่านมาด้วยความเข้าใจถึงสิทธิ์อันชอบธรรมในสินค้า ถ้าวันนี้ผมไม่ออกมาพูดอะไรเลย มันเท่ากับยอมรับว่าผมให้ลูกน้องผมไปโกหกหลอกลวงขายขายที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์ขาย ผมรับไม่ได้ครับ" นายกนต์ธร กล่าว
นายกนต์ธร กล่าวว่าตนต้องการจะเรียกร้องความรับผิดชอบของอีสท์แมน เคมิคอล อิงค์ ที่ได้ดำเนินการแบบไร้ซึ่งความรับผิดชอบ ทั้งนี้เพราะมีคำถามต่อสินค้าที่บริษัทฯ ได้จำหน่ายไปยังร้านค้าว่าเป็นการขายที่หลอกลวงหรือไม่ อีกทั้งขณะนี้บริษัทฯ ยังมีคำสั่งซื้อที่รอการลงนามจนถึงสิ้นปีหน้า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการลงนามในคำสั่งซื้อแน่นอน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ฟิล์มยี่ห้ออื่นเข้ามาแทนที่ได้
"พนักงานของผม ผมพร้อมจะรับผิดชอบเพราะเราก็เป็นองค์กรที่รักษาความเป็นธรรมาภิบาลเหมือนกัน แต่ผลกระทบที่เกิดจากการกระทำของผู้บริหารบางคนในองค์กรของอีสท์แมน เคมิคอล อิงค์ ใครจะรับผิดชอบนี่เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ผมอยากจะส่งไปยังประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ช่วยชี้แจงต่อพันธมิตรที่สร้างรายได้ให้กับอีสท์แมน เคมิคอล อิงค์ อย่างต่อเนื่องมานานกว่า 22 ปี" นายกนต์ธร กล่าว
นายกนต์ธร กล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากนี้ ลูกค้าผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จำนวนมาก จะต้องมีคำถามมากมายถึงการรับประกันสินค้าที่ติดตั้งโดยบริษัทฯ รวมไปถึงบริการหลังการขาย อีกทั้งผู้อ่านข่าวที่แม้ว่าจะไม่ได้เป็นลูกค้าของ "วี-คูล" ในวันนี้ แต่กลุ่มผู้อ่านข่าวเหล่านี้ คือหนึ่งในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่อาจจะอยู่ระหว่างการตัดสินใจติดตั้งฟิล์มกันร้อนให้กับรถของตัวเอง ก็อาจจะเกิดอาการลังเลที่จะใช้ฟิล์ม "วี-คูล" ได้เช่นกัน