กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
สามารถ จับมือ สวทช. ยก 10 ผลงานเด่น ขึ้นโชว์ความพร้อมทั้งด้านนวัตกรรมสุดล้ำ และแนวคิดธุรกิจที่ชัดเจน ให้แก่เหล่านักลงทุนจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจได้ยลโฉมในงาน "เถ้าแก่น้อยเทคโนโลยี พบนักลงทุน" อีกหนึ่งกิจกรรมจากโครงการ "เถ้าแก่น้อยเทคโนโลยี 2015" ที่จัดขึ้นเพื่อนำไปสู่การเจรจาต่อรองเชิงพาณิชย์ระหว่างนักลงทุนกับเหล่านวัตกรคนไทย โดยหวังให้โครงการฯเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถในเวทีการแข่งขันระดับโลก
นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า การจัดงาน "เถ้าแก่น้อยเทคโนโลยี พบนักลงทุน" (Business Matching) ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการพบปะกัน เพื่อให้เกิดการเจรจาต่อรองทางธุรกิจระหว่างนักลงทุนกับเจ้าของผลงาน ซึ่งเจ้าของผลงานจะได้มีโอกาสต่อยอดในเชิงพาณิชย์ นักลงทุนมีโอกาสได้พิจารณาผลงานที่มีศักยภาพเพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจของตน เป็นการสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในภูมิภาคมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อผลงานไหนมีโอกาสกลายเป็นธุรกิจทำเงินตัวจริง และกลับมาเป็นที่ปรึกษาให้กับน้องๆรุ่นต่อไป ระบบนิเวศน์ของสตาร์ทอัพในเมืองไทยจะชัดเจนและเป็นรูปธรรมในที่สุด
ทั้งนี้ การเข้าสู่ยุค Digital ที่ต้องนำประโยชน์จากเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วเป็นสำคัญ "กลุ่มบริษัทสามารถ" ในฐานะที่เติบโตมาจากการให้บริการด้านเทคโนโลยีที่มุ่งสร้างให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในทุกด้าน ทั้งต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนความมุ่งมั่นของเรา ที่ต้องการสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้น พัฒนาเทคโนโลยี ผ่านกิจกรรมต่างๆโดยเฉพาะโครงการ Samart Innovation Award ที่ก่อตั้งมานานถึง 13 ปี ได้มีส่วนในการสร้างและผลักดันให้เกิดนักพัฒนาด้านเทคโนโลยีตัวจริงแบบไม่มีข้อผูกมัดใดๆจากบริษัทฯ โดยผู้ชนะเลิศรางวัลSamart Innovation Award 2015 ในโครงการ "เถ้าแก่น้อยเทคโนโลยี" จะได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท และ 3 อันดับแรกยังได้รับรางวัลทัศนศึกษาต่างประเทศ และ 25 ผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย จะได้รับทุน (Business Startup Funds) ทุนละ 20,000 บาท รวมมูลค่าโครงการฯกว่า 1,000,000 บาท"
นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้อำนวยการ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย กล่าวว่า "การจัดงานครั้งนี้ เป็นการแสดงผลงานเทคโนโลยีและแผนธุรกิจของผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยนำความรู้และประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมตั้งแต่ต้นปี จากความรู้ด้านการตลาดทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องการจัดตั้งธุรกิจ การเขียนแผน การเจรจาต่อรอง จนถึงการออกไปปฏิบัติจริง มาปรับใช้กับผลงาน และกลับมานำเสนอให้กับนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
ผู้ประกอบการ และผู้ทรงอิทธิพลด้านออนไลน์จากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ซึ่งล้วนแต่มีประสบการณ์ ความรอบรู้ ที่ต้องการแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีโอกาสเติบโต มาร่วมลงทุน มาต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ หรือนำไปขยายตลาดต่อทั้งในและต่างประเทศ
"สำหรับโครงการฯปีนี้ได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 100 ผลงาน ผ่านการสัมภาษณ์ให้เข้ารอบแรกมานำเสนอผลงานกับคณะกรรมการจำนวน 45 ผลงาน และคัดเลือกอย่างเข้มข้นจนได้ 25 ผลงานที่ได้รับทุน และมี 10 ผลงานที่พร้อมเข้ามานำเสนอผลงานให้กับนักลงทุนในวันนี้ โดยตลอด 3 ปีที่จัดโครงการฯ มีถึง 15 ผลงาน ที่ก้าวสู่การเป็นนักธุรกิจตัวจริง เกิดการจัดตั้งเป็นธุรกิจเทคโนโลยี เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และมีอีกกว่า 50 ผลงานที่กำลังพัฒนา และเตรียมพร้อมสู่ตลาดและการจัดตั้งธุรกิจในโอกาสต่อไป"
นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาผู้ประกอบการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า "กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานแรกของไทยที่ดำเนินการเสริมสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้าสู่วงการธุรกิจไทยมากว่า 13 ปี ได้เสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่และสามารถจัดตั้งธุรกิจแล้ว 16,000 ราย ทั่วประเทศ ผ่านการให้ความรู้ การจัดทำแผนธุรกิจ ให้คำปรึกษา และให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง รองรับผู้มีฝันอยากเป็นผู้ประกอบการตัวจริง
การเข้ามาสนับสนุนโครงการเถ้าแก่น้อยเทคโนโลยีในปีนี้ ถือเป็นมิติใหม่ของกรมฯ ที่ช่วยเป็นฐานในการส่งต่อและสร้างทัศนคติการเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจ การทำงานร่วมกับ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น และ ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย สวทช. ในครั้งนี้ ถือเป็นการทำงาน ร่วมมือกันแบบ Public Private Partnership (PPP) อย่างแท้จริง ในการช่วยกันสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งเหมาะกับการสร้างธุรกิจดิจิทัลในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเหมาะสม
สำหรับ 10 ผลงานที่เข้าร่วมนำเสนอต่อนักลงทุน คัดเลือกจากผลงานที่พร้อมที่สุด ทั้งแนวคิดธุรกิจที่ชัดเจนและพร้อมต่อยอดทางธุรกิจทันที ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในกลุ่มที่มีความต้องการในตลาด ได้แก่
ประเภท Digital Innovative : Internet of Things
1. GetKaset : ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรออนไลน์
2. INHUB : ระบบควบคุมและดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในอาคาร
3. LenNam : เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพน้ำ
4. Pet Hospital : โปรแกรมการจัดการร้านสัตว์แพทย์
ประเภท Digital Innovative : Mobile Application
5. BikeRoutes : แอพพลิเคชั่นบอกเส้นทางการปั่นจักรยาน
6. ChariGO : แอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำหน่ายสินค้าชุมชน
7. EasyHos : ระบบนำทางข้อมูลแก่คนไข้ในโรงพยาบาล
8. ideasdee : แพลตฟอร์มสำหรับแบ่งปันไอเดียต่างๆ
ประเภท Technology
9. Akne Care Project : เทคโนโลยีนำส่งสารสำคัญเพื่อช่วยรักษาสิว
10. Visionnear : อุปกรณ์สวมใส่สำหรับผู้บกพร่องทางการมองเห็น
สำหรับโครงการเถ้าแก่น้อยเทคโนโลยีปีนี้ ยังต้องค้นหาสุดยอดแผนธุรกิจด้านนวัตกรรม ในรางวัล Samart Innovation Award โดยผู้ผ่านเข้ารอบทั้ง 25 ผลงานต้องมานำเสนอผลงานอีกครั้ง ...สำหรับผู้สนใจ สามารถดูความเคลื่อนไหวของโครงการฯได้ที่ www.nstda.or.th/bic/ หรือ www.samartsia.com