กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--IR PLUS
บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เตรียมเสนอขายหุ้น IPO โดยโบรกชั้นนำ 8 แห่ง มองเป็นธุรกิจที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีศักยภาพการเติบโตสูงจากการขยายต่อยอด ธุรกิจ
โดยนักวิเคราะห์จากโบรกชั้นนำผู้ร่วมจัดจำหน่าย 8 แห่งได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บล.ทิสโก้ จำกัด บล.ทรีนีตี้ จำกัด บล.โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บล.เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) และ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ย 7.30 บาทต่อหุ้น และให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 7.92 บาทต่อหุ้น สะท้อนหุ้น LPH มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีอนาคตสดใส มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น จากแผนพัฒนาศูนย์การแพทย์เฉพาะทางสู่ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) โดยเริ่มจาก 5 ศูนย์ทางการแพทย์ คือ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์จักษุ ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ และศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์ผิวหนังและความงาม เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่ม สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มฐานกลุ่มผู้ใช้บริการของโรงพยาบาลฯ ลูกค้าทั่วไป รวมทั้งรองรับการรักษาโรคที่ซับซ้อนมากขึ้น และจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรที่สูง ขึ้นของบริษัทฯใน อนาคต นอกจากนี้บริษัทฯยังมีโครงการขยายการลงทุนต่อเนื่องในอีก 3-5ปีข้างหน้า ศูนย์การแพทย์ประกันสังคม เพื่อโอกาศในการรับโควต้าที่มากขึ้น ศูนย์พักฟื้นดูแลผู้สูงอายุ และการสร้างโรงพยาบาลลาดพร้าวแห่งใหม่ ซึ่งจะมีเตียงให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 180 เตียง ในบริเวณเขตลำลูกกา ซึ่งเป็นเขตที่มีจำนวนประชากรเติบโตสูงและมี หมู่บ้าน ชุมชน โรงงาน จำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นยั่งยืนในอนาคต ซึ่งจากแผนเติบโตดังกล่าว คาดว่าจะทำให้บริษัทฯสามารถมีการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ต่อปี โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองตามกฎหมาย
ทั้งนี้ จากบทวิเคราะห์ บมจ. โรงพยาบาล ลาดพร้าว พบว่า นักวิเคราะห์ประสานเสียงมอง LPH เป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน จากมีพื้นที่ทำเลที่ตั้งที่ดี มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น มีการดำเนินธุรกิจด้วยทีมแพทย์และทีมบริหารที่มีประสบการณ์กว่า 22 ปี มีการให้บริการให้แก่ผู้ใช้บริการที่หลากหลาย ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจ รวมถึงมีโอกาสเติบโตที่สดใส จากโครงการลงทุนในอนาคตของบริษัทฯ ทั้ง 4 โครงการ ที่สามารถจะสร้างรายได้และผลกำไรให้เติบโตได้อย่างโดดเด่นและมั่นคง
บมจ.โรงพยาบาลลาดพร้าวได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่ง ต่อ ก.ล.ต.เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกจำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.67 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอ ขายหุ้นเพิ่มทุนซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 375 ล้านบาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและเรียกชำระแล้วมีจำนวน 275 ล้านบาท คิดเป็น 550 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท
สำหรับ บมจ. โรงพยาบาล ลาดพร้าว มีการประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน โดยให้บริการรักษาโรคทั่วไปและศูนย์บริการแพทย์เฉพาะทาง สามารถให้บริการทั้งผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยฉุกเฉิน ภายใต้แบรนด์ "โรงพยาบาลลาดพร้าว" โดยมีศักยภาพการให้บริการผู้ป่วยนอกประมาณ 3,400 คนต่อวัน มีเตียงผู้ป่วยใน 180 เตียง โรงพยาบาลมีจุดเด่นด้านแม่และเด็กและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับ ในวงการหลากหลายสาขา และมีการดำเนินการยกระดับศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศทาง การแพทย์ 5 ศูนย์ นอกจากนี้โรงพยาบาลมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการ ทั้งศูนย์ประกันสังคม ศูนย์พักฟื้นดูแลผู้สูงอายุ และสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการและขยายฐานลูกค้าในพื้นที่และเขตใกล้เคียง ตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของประชากร ใน พื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุและรองรับโรคที่ซับ ซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาโรงพยาบาลฯมีลูกค้าที่หลากหลายกระจายทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มประกันคู่สัญญาและกลุ่มลูกค้าประกันสังคม นอกจากนี้ บริษัทฯมีบริษัทย่อย คือ บริษัทศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอชีย หรือAMARC ดำเนินธุรกิจ บริการตรวจวิเคราะห์ ทดสอบและวิจัยด้านอาหาร ผลิตผลการเกษตรและยา ซึ่งมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญและมีการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาสูง จึงเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งในระดับเดียวกันน้อยราย และมีศักยภาพการเติบโตสูง
สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทฯมีรายได้เติบอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555-2557 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น จำนวน 917.43 , 1,063.07 และ 1,136.57 ล้านบาทตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ร้อยละ 11.30 และมีกำไรสุทธิ สำหรับปี 2555-2557 เท่ากับ 79.5 ล้านบาท 108.43 ล้านบาท และ 99.88 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับช่วง 6 เดือนแรก ของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้ และ กำไร อยู่ที่ 600.32 ล้านบาท และ 31.92 ล้านบาท ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2558 อยู่ที่ 1.31 เท่า