กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--บลจ.กรุงศรี
บลจ.กรุงศรี เชื่อภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเพียงแค่ชะลอการเติบโต แนะการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า "ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและสงครามค่าเงินที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงความแตกต่างในการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกาที่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 9 ปี ส่งผลให้ตลาดเงินตลาดทุน ทั่วโลกมีความผันผวนเป็นอย่างมาก โดยผลตอบแทนของตลาดต่างๆในช่วงครึ่งปีแรกมีการปรับลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา"
"อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่าภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเพียงแค่ชะลอการเติบโตเท่านั้นไม่ได้หยุดชะงักจนถึงขั้นเกิดวิกฤติ โดย IMF ยังคงคาดการณ์ World GDP Growth อยู่ที่ระดับ 3.3% และ 3.8% ในปี 2558 และ 2559 ตามลำดับ ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณมาเป็นเวลาหลายปีว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงเนื่องจากการปรับโครงสร้างจากการใช้การลงทุนและการส่งออกเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาเป็นการใช้การบริโภคภายในประเทศเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโต และถือโอกาสนี้ในการปฎิรูปเศรษฐกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว"
"ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยุโรป และญี่ปุ่น ยังคงมีสัญญาณการฟื้นตัว ธนาคารกลางแสดงความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างต่อเนื่อง และอาจดำเนินการเพิ่มเติมได้หากมีความจำเป็น ค่าเงินที่อ่อนค่าลงยังเป็นตัวช่วยสนับสนุนให้ภาคส่งออกและท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ยังคงมีความแข็งแกร่งและมูลค่าหุ้นในปัจจุบันยังไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต"
"บลจ.กรุงศรี ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพราะไม่มีสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ และในอนาคตการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนมีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนและความท้าทายเพิ่มมากขึ้น ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้ และจัดสรรเงินลงทุนบางส่วนเพื่อทยอยลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว"
"สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทย แนะนำให้ทยอยลงทุนในกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ (KFSEQ) และ กองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ปันผล (KFSEQ-D) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีศักยภาพทางธุรกิจและมีโอกาสเติบโตสูง (Growth Stock) มีแนวโน้มปรับตัวได้โดดเด่นในภาวะที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายการลงทุนของภาครัฐ โดยกำไรของบริษัทฯที่กองทุนฯ ถือครองอยู่มีแนวโน้มเติบโตได้สูงกว่าตลาดฯ และราคาหุ้นที่อยู่ในพอร์ตหลายตัวยังไม่สะท้อนถึงผลประกอบการ จึงมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นได้"
"ในส่วนของกองทุนต่างประเทศที่น่าสนใจและเหมาะที่จะมีไว้ในพอร์ตการลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรี โกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้ปันผล (KF-HEALTHD) มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก JP Morgan Global Healthcare Fund โดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเฉลี่ยต่อรอบปีบัญชี โดยทีมผู้จัดการกองทุนมีความชำนาญในการเลือกหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ เน้นลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ยา เทคนิคการแพทย์ และบริการทางการแพทย์ขนาดใหญ่ทั่วโลกที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดี เนื่องจากในหลายๆประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและวิวัฒนาการทางการแพทย์กำลังมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง จึงน่าจะส่งผลให้กองทุนนี้มีผลประกอบการดีในระยะยาว ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนสิงหาคม ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน กองทุน KF-HEALTHD มีการประกาศจ่ายเงินปันผลจำนวนรวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง มูลค่ารวม 2.50 บาท/หน่วยลงทุน*" (บลจ.กรุงศรี 23 ก.ย. 58)
"กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนเฮดจ์ปันผล(KF-HJAPAND) มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก Eastspring Investments-Japan Dynamic Fund โดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเฉลี่ยต่อรอบปีบัญชี โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน กองทุน KF-HJAPAND มีการประกาศจ่ายเงินปันผลจำนวนรวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง มูลค่ารวม1.00 บาท/หน่วยลงทุน**(บลจ.กรุงศรี 23 ก.ย. 58) ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่า ช่วยให้ยอดส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะการจ้างงานและการบริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการที่กองทุนบำเหน็จบำนาญของญี่ปุ่นได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น"
"นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงศรียุโรปอิควิตี้ KF-EUROPE และกองทุนเปิดกรุงศรียุโรปอิควิตี้เฮดจ์ KF-HEUROPE ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก Allianz Europe Equity Growth Fund โดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเฉลี่ยต่อรอบปีบัญชี ก็ได้รับปัจจัยบวกจากการที่เศรษฐกิจยุโรปมีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้ง เศรษฐกิจอังกฤษและเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศหลักที่มีอยู่ในพอร์ตการลงทุนต่างขยายตัวได้ดี โดยอังกฤษเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วที่ขยายตัวได้ดีที่สุดในปีที่ผ่านมา ในขณะที่การส่งออกของเยอรมนีได้ประโยชน์อย่างมากจากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร" นางสุภาพรกล่าว
หมายเหตุ:
*ประวัติจ่ายปันผลกองทุน KF-HEALTHD ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนสิงหาคม ปี 2557 (บาท/หน่วย) ธ.ค. 57=0.40 บาท / มี.ค. 58 = 0.75 บาท มิ.ย. 58 = 0.35 บาท ก.ย. 58 = 1.00 บาท
** ประวัติจ่ายปันผลกองทุน KF-HJAPAND ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 (บาท/หน่วย)
มิ.ย. 58=0.50 บาท / ก.ย. 58 = 0.50 บาท
(แหล่งข้อมูล: บลจ.กรุงศรี ข้อมูล ณ วันที่ 23 ก.ย. 58)
คำเตือน
1. การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
2. ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
3. กองทุน KF-HEALTHD กองทุน KF-HJAPAND กองทุน KF-HEUROPE และกองทุน KF-EUROPE มีการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก กองทุนจึงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/ หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน
4. กองทุน KF-HEALTHD และกองทุนKF-EUROPE จะไม่ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงิน จึงอาจมีความเสี่ยงสูงจากอัตราแลกเปลี่ยน/ หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนแรกเริ่มได้ ในอนาคตกองทุนอาจทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมฯ โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
5. กองทุน KF-HJAPAND และกองทุน KF-HEUROPE ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่าน้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ