กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--มาสด้า เซลส์
หลังจากที่มุ่งมั่นทุ่มเทอย่างหนักสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และโคโดะ ดีไซน์ โดยถ่ายทอดผ่านทางการจัดงานแบรนด์ ฟอรั่ม และเทคโนโลยี ฟอรั่ม ก่อนที่จะพบกับรถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่ โดยเริ่มจากรถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ตามมาด้วยรถเก๋งขนาดกลางมาสด้า3 และล่าสุดรถยนต์นั่งซับ-คอมแพ็คคาร์มาสด้า2 และยังจะถูกถ่ายทอดไปยังรถยนต์มาสด้ารุ่นอื่นๆ อีกมากมายหลากหลายรุ่นที่พร้อมเปิดตัวเข้าสู่ตลาดประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้ ต้องยอมรับว่ามาสด้านั้นเดินมาถูกทาง ด้วยความโดดเด่นของเทคโนโลยีที่วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาสด้านั้นได้ค้นพบนวัตกรรมและนำเสนอรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี และรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวสวยงามลงตัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผนวกกับการสื่อสารการตลาดและการประชาสัมพันธ์ที่เจาะลึกเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้วันนี้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดประเทศไทยกลายเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด สามารถสร้างยอดขายอย่างเป็นกอบเป็นกำกว่า 40,000 คัน ภายในเวลาอันรวดเร็ว
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ในยุคที่กุมบังเหียนโดยประธานคนใหม่ ที่เข้ามาสานต่อภารกิจนี้อย่าง มร. ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ส่งผลให้วันนี้มาสด้า คือ ค่ายรถยนต์ที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จากการขยับขึ้นทั้งยอดขายและภาพลักษณ์โดยรวมของแบรนด์ ส่วนหนึ่งที่สำคัญ คือ การสร้างแนวทางการตลาดที่มีความแตกต่างจากรถยนต์ทั่วๆ ไป โดย ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ได้ให้มุมมองว่า "การสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจถึงตัวตน แนวคิด ปรัชญา และแรงบันดาลใจในการทำงาน มุมมองที่แบรนด์มีกับลูกค้า ความมุ่งมั่นตั้งใจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มของการคิดค้นสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกคน เป็นการยกระดับความเข้าใจ สร้างความผูกพันที่ลึกซึ้ง โดยมีเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ที่ชื่นชอบและสามารถส่งมอบคุณค่าที่แท้จริงกับลูกค้าของเรา"
มาสด้าเริ่มปรับเปลี่ยนแนวทางการสื่อสารในภาพรวมของแบรนด์ โดยแยกการสื่อสารของรถยนต์ในแต่ละรุ่น เพิ่มพื้นที่สัดส่วนของการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ สร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจในปรัชญาการผลิตรถยนต์มาสด้า พร้อมนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนและครอบคลุมในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะเทคโนโลยีและการออกแบบ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เกิดความแข็งแกร่ง นำเอาความล้ำหน้าของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ การออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ ระบบการสื่อสารในรถยนต์ที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์ด้วย MZD Connect รวมทั้งระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน i-ACTIVSENSE เพื่อสร้างความแตกต่างและคุณค่าและอรรถประโยชน์ที่ได้รับภายใต้สภาวการณ์การแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน
มาสด้าเริ่มสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์ผ่านทางการผลิตภาพยนตร์โฆษณาครั้งแรกเมื่อปี 2556 ภายใต้สโลแกน "Defy Convention" บอกเล่าถึงทัศนคติ "กล้า...ที่จะต่าง" เผชิญหน้ากับอุปสรรคและความท้าทายในการสร้างรถยนต์มาสด้าให้มีความโดดเด่น และแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ และเมื่อปี 2557 ได้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาชุดที่สอง ด้วยสโลแกน "We build mazda. What do you drive?" บอกเล่าถึงความเป็นมา วิธีคิด ความทุ่มเทในการคิดค้นภาษาการออกแบบ และเทคโนโลยีที่มาสด้าสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อให้ได้รถยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและเปี่ยมด้วยความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ ส่งผลให้แบรนด์มาสด้าเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวว่า ปีนี้มาสด้าตอกย้ำแนวคิดในการสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืน โดยเริ่มผลิตภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่เพื่อสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์ ถ่ายทอดความรู้สึกและคุณค่าที่ได้รับทางด้านจิตใจ การส่งมอบความสุข ความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจที่ได้เห็นลูกค้าของเรามีความสุขในทุกการขับขี่ นอกเหนือจากการมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์เพื่อตอบสนองการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ดังนั้นมาสด้าจึงได้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์ชุดใหม่ภายใต้สโลแกนใหม่ "Feel the drive" และนี่คือความรู้สึกถึงความสุขทุกครั้งที่ได้รับจากการขับขี่รถมาสด้า นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เราชาวมาสด้ากล้าทำในสิ่งที่แตกต่างด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่เคยยอมแพ้และท้าทายทุกข้อจำกัด เพื่อคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ให้คุณขับสนุกยิ่งกว่าเดิม รวมถึงความปลอดภัยสูงสุดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเราไม่ได้สร้างแค่รถยนต์แต่เราสร้างยนตกรรมที่ให้ความรู้สึกเร้าใจในการขับขี่อย่างแท้จริง โดยจะเป็นภาพยนตร์โฆษณารถยนต์รูปแบบใหม่ ที่ไม่มีรถยนต์อยู่โฆษณา เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกความสุขที่ได้รับจากรถมาสด้า ซึ่งรูปแบบการสื่อสารโฆษณาแบรนด์มาสด้าชิ้นใหม่นี้ จะถูกแบ่งเป็น 3 ช่วง ดังนี้
1. การสื่อสารถึงปรัชญาการพัฒนารถยนต์ของมาสด้าเป็นที่มาของความรู้สึกอารมณ์สนุกสนานในการขับขี่ที่ลูกค้ามาสด้าชื่นชอบมีความสุข หรือ "Feel the drive" พร้อมกับสร้างการรับรู้ด้วยการแสดงออกถึงอารมณ์ดังกล่าวในท่าขับรถในอากาศ (Air Driving)
2. การสื่อสารคุณค่าเฉพาะตัวที่โดดเด่นของแบรนด์มาสด้า ผ่าน 4 องค์ประกอบ ได้แก่ เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ, โคโดะ ดีไซน์, เทคโนโลยีเชื่อมต่อออนไลน์ MZD Connect และเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่ช่วยให้รถมาสด้ามีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง แต่ยังคงความรู้สึกเร้าใจในการขับขี่
3. การสื่อสารถึงรถยนต์ทุกรุ่นที่มาสด้าจำหน่ายในประเทศไทย ควบคู่ไปกับความรู้สึกที่ได้รับจากการขับขี่ที่มีอยู่ในรถมาสด้าทุกรุ่น
นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์มาสด้าในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน เป็นต้นไป โดยมาสด้าได้เพิ่มช่องทางโฆษณาทางโทรทัศน์ และในทุกช่องทางรวมถึง สื่อหนังสือพิมพ์ และการโฆษณาผ่านสื่อกลางแจ้ง ในเขตกรุงเทพและต่างจังหวัด และการโฆษณาในสื่อออนไลน์โดยครบถ้วน ทั้งนี้สามารถเข้าไปสัมผัสความรู้สึกในการขับขี่แบบมาสด้าได้ในเว็บไซน์มาสด้า www.mazda.co.th, และช่องทาง Mazda Thailand Official: Facebook, YouTube, LINE