กรุงเทพ--8 ส.ค.--เขตพระนคร
นายธีระชัย เธียรสรรชัย ผู้อำนวยการเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาหาบเร่แผงลอยในพื้นที่เขตพระนครว่า หลังจากที่กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะคณะกรรมการกรุงรัตนโกสินทร์ยกเลิกจุดค้าหาบเร่แผงลอยบริเวณท่าช้าง ท่าพระจันทร์ และบริเวณทางเท้าข้างกำแพงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งข้างกำแพงวัดมหาธาตุ ซึ่งมีผู้ตั้งวางแผงพระพุทธรูป พระเครื่องบูชา อันเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมนั้น เขตฯ จึงจำเป็นต้องควบคุมพื้นที่อย่างใก้ชิด ทำให้ผู้ค้าบางรายที่ยังลักลอบตั้งวางไม่พอใจมีการร้องเรียนกล่าวหา รวมทั้งทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่บ่อยครั้ง ดังเช่น เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2540 ขณะที่ ส.อ.ชลัช วิวัฒน์ไพบูลย์ และนายสมบัติ วิไลประภากร เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตพระนคร ปฏิบัติหน้าที่บริเวณทางเท้าถนนมหาราชได้พบผู้กระทำผิด จึงเข้าทำการจับกุม แต่ผู้ต้องหาต่อสู้ขัดขวางและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถนำตัวผู้กระทำผิดไปส่งสถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามได้ แต่เนื่องด้วยผู้ต้องหามีอายุ 60 ปี ส.อ.ชลัชฯ จึงมิได้เอาเรื่อง เพียงแต่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากล่าวตักเตือน และลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาวันที่ 31 กรกฎาคม 2540 ได้พบผู้กระทำผิดอีกรายหนึ่ง ซึ่งได้เตือนให้เคลื่อนย้ายไป แต่ผู้กระทำผิดไม่ยอมรับรู้ จึงเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ชกต่อยที่ใบหน้าและปากเจ้าหน้าที่ ในที่สุดจึงได้นำไปสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม เจ้าหน้าที่เห็นว่าอายุ 78 ปีแล้ว จึงให้อภัย โดยให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและปล่อยตัวไปเช่นกัน
ผู้อำนวยการเขตพระนคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเห็นใจผู้ค้าขาย จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครให้ทำงานด้วยความอดทน อดกลั้นอย่างที่สุด แต่ภาพการจับกุมผู้ค้าสูงอายุเป็นการยากที่จะอธิบายให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้ว่า ผู้สูงอายุนั้นกระทำผิด เพราะผู้พบเห็นท่านมาเห็นแต่ตอนที่กำลังชุลมุนจับผู้สูงอายุที่กระทำทำผิด แต่ไม่เห็นตอนที่ผู้สูงอายุดังกล่าวต่อยเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมที่หนุ่มกว่า ซึ่งในท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายก็ไม่ได้เอาเรื่องกับผู้ค้าสูงอายุที่ทำผิด จึงใคร่ขอวิงวอนผู้ค้าขายไม่ว่าจะสูงอายุหรือเด็ก โปรดปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อมิให้กระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่จนต้องมีการจับกุมกัน ผู้อำนวยการเขตพระนครกล่าวในที่สุด--จบ--