กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--เอพีพีอาร์ มีเดีย
เสริมแกร่ง ระบบการดำเนินงานด้าน IoT อย่างชาญฉลาด ประกาศเป็นพันธมิตรกับ สมาคมอินเตอร์เน็ตเพื่ออุตสาหกรรม หวังสร้างความล้ำหน้าด้านโซลูชัน IoT และการใช้งาน
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านระบบบริหารจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น เผยกลยุทธ์แบรนด์ใหม่ทั่วโลกในช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรม ที่ภาพรวมของธุรกิจและสังคม กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสู่สังคมเมือง การแปลงข้อมูลมาสู่ดิจิตอล และการปรับสู่ยุคเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ทั้งนี้กลยุทธ์แบรนด์ Life Is On ขับเคลื่อนโดยแนวทางการดำเนินงานด้าน IoT แบบชาญฉลาด (Operational Intelligence approach to IoT) โดยเป็นวิธีที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนวิถีการบริโภคพลังงานของผู้คนและองค์กร ไปสู่กระบวนการอุตสาหกรรมที่เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น และนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพในเรื่องการตัดสินใจทางธุรกิจ พร้อมกับสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
กลยุทธ์แบรนด์ Life Is On ช่วยให้มองเห็นภาพชัดเจนถึงสิ่งที่ชไนเดอร์กำลังช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรากฐานสำคัญดังกล่าว โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในเรื่องของเทคโนโลยีด้านการปฏิบัติการ (OT – Operational Technology) ที่ใช้ควบคุมกระบวนการที่สำคัญที่สุดของสังคมและเชื่อมต่อเข้ากับเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ้นและช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น การดำเนินงานด้าน IoT แบบชาญฉลาดนี้ เกี่ยวข้องกับการควบคุมและการใช้ระบบออโตเมชั่นในทางที่เกิดประโยชน์สูงสุด ระบบการบริหารทางไกลขั้นสูง การบำรุงรักษาแบบคาดการณ์ล่วงหน้า การบริหารจัดการงานบริการ มีระบบวิเคราะห์ที่ล้ำหน้า และสร้างข้อมูลที่นำมาใช้งานได้ เพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสินใจที่เฉียบขาดทางธุรกิจ ทั้งในเรื่องของที่พักอาศัย โรงงานผลิต ดาต้าเซ็นเตอร์ อาคาร และเมือง
"IoT กำลังเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมของประเทศไทย และด้วยระบบการดำเนินงาน IoT แบบชาญฉลาดนี้ จะช่วยให้ลูกค้าตระหนักถึงประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการนำ IoT มาปรับใช้ การเปลี่ยนแปลงเกิดมากขึ้นในทุกย่างก้าว โดยผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อถึงกันจะยิ่งช่วยให้เราขยายฐานโซลูชันและการบริการของเราได้มากยิ่งขึ้น และลูกค้าของเรากำลังมองเห็นประโยชน์ที่ได้จากการใช้โซลูชันที่ช่วยให้กระบวนการทำงานต่างๆ ดำเนินไปได้แบบอัตโนมัติ และยังช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น" มร.มาร์ค เพลิทิเยร์ ประธานชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าว
"เราสร้างเทคโนโลยีระบบบริหารจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้มั่นใจว่าสามารถดำเนินชีวิตได้ต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม สำหรับคนทุกคนและทุกช่วงเวลา เราคิดว่าเรื่องการเข้าถึงพลังงานเป็นสิทธิพื้นฐานสำหรับทุกๆ คนบนโลกและเราคิดค้นโซลูชันที่ช่วยให้องค์กรและผู้คนใช้พลังงานได้อย่างปลอดภัย น่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพ เชื่อมต่อถึงกันและมีความยั่งยืน" ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานบริษัทและซีอีโอ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว
"เราลงทุนอย่างมากในการสร้างนวัตกรรม การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์และระบบของเราผ่าน IoT เพื่อทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถกระจายการใช้พลังงานและเชื่อมต่อกันได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โซลูชันของเรารองรับตลาดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ที่พักอาศัย อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ และเครือข่ายต่างๆ รวมถึงพลังงานและระบบโครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรมทั่วโลก เรามุ่งมั่นอย่างจริงจังเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนโฉมองค์กรและธุรกิจมาสู่การเป็นองค์กรที่เชื่อมต่อกันมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบที่ให้ความฉลาดในการดำเนินงานในเชิงลึกแบบเรียลไทม์"
ความร่วมมือกับอุตสาหกรรม
เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ในการนำ IoT มาสร้างความฉลาดในการดำเนินงาน วันนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรรมการกำกับและดูแลสมาคมอินเตอร์เน็ตเพื่ออุตสาหกรรม (Industrial Internet Consortium) ซึ่งจากการแต่งตั้งในครั้งนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่ควบคู่ไปกับผู้นำเชิงความคิดจากองค์กรชั้นนำเช่น AT&T, Cisco, General Electric, IBM และ Intel ในการพัฒนาข้อเสนอแนะให้กับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายการทำงาน หรือ เฟรมเวิร์ก เพื่อเร่งให้มีการนำเทคโนโลยี IoT สำหรับอุตสาหกรรมมาใช้ในทั่วโลก ทั้งนี้คาดว่าตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย IoT จะเติบโตถึง 10 ล้านล้านเหรียญ ในปี 2568 หรืออีกสิบปีข้างหน้า จากรายงานของ McKinsey เนื่องจาก IoT ให้ความสามารถในระดับสูง เรื่องกระบวนการในการทำงานร่วมกัน ช่วยเปลี่ยนแนวทางในการผลิตสินค้าและส่งผลต่อการทำงานที่ดีขึ้น
จอห์น ทัคซิลโล รองประธานอาวุโส ฝ่ายอุตสาหกรรมและรัฐกิจสัมพันธ์ (Industry and Government Affairs) จะเป็นตัวแทนชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการเป็นกรรมการกำกับดูแลสมาคมอินเตอร์เน็ตเพื่ออุตสาหกรรม ดร. ริชาร์ด โซลีย์ กรรมการบริหารของสมาคมฯ กล่าวว่า "คลื่นลูกต่อไปของการเปลี่ยนโฉมโรงงานอุตสาหกรรมและโรงงานผลิต มาจากความสามารถในการเชื่อมต่อที่ให้ผลลัพธ์ด้านความฉลาดที่เหนือชั้นขึ้นไปอีก และเป็นสิ่งที่ทำให้นวัตกรรมจากบริษัทเช่น ชไนเดอร์ อิเล็คทริคและสมาชิกรายอื่นๆ เข้ามามีบทบาทโดดเด่น เช่นเดียวกับสมาชิกอื่นๆ นวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริคในสายพลังงานและการให้ประสิทธิภาพด้านกระบวนการทำงานต่างๆ รวมถึงสายผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ให้ความสามารถในการเชื่อมต่อ จะช่วยขับเคลื่อน IoT สู่การใช้งานในระดับที่เหนือชั้นขึ้นไปอีก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิต กระบวนการทำงาน รวมไปถึงซัพพลายเชนทั้งหมด"
นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้ประกาศการก้าวสู่ความร่วมมือกับ กิจการค้าร่วมด้านพันธมิตรในการทำวิจัย ระหว่างสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซ็ทส์ และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง (Hong Kong University of Science and Technology-Massachusetts Institute of Technology (HKUST-MIT) Research Alliance Consortium) ในการทำให้โซลูชัน IoT และการใช้งานก้าวล้ำยิ่งขึ้นไปอีก สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ http://hkust-mit.consortium.ust.hk/about-us/
เทคโนโลยี IoT เป็นพื้นฐานสำหรับภาคตลาดที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคมุ่งเน้นให้ความสำคัญ เช่น ทรัพยากรน้ำ น้ำมันและก๊าซ, ดาต้าเซ็นเตอร์, การทำเหมือง, สาธารณูปโภค, การดูแลสุขภาพ หรือ เฮล์ธแคร์, อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงสมาร์ทซิตี้ เนื่องจากเป็นหนทางที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงให้ความยั่งยืนสำหรับลูกค้า ซึ่งในการเป็นพันธมิตร อย่างเช่นที่ได้มีการทำงานร่วมกับสมาคมอินเตอร์เน็ตเพื่ออุตสาหกรรม และ HKUST-MIT นั้น ชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้มุ่งเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยีและบริการใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนในเรื่องของการดำเนินงาน iOT แบบชาญฉลาด ความมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการเชื่อมต่อเพื่อช่วยให้ลูกค้าตอบโจทย์พร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
องค์ประกอบอื่นๆ ของกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ Life Is On นี้ รวมถึงการนำเสนอโซลูชันและการบริการใหม่ที่ต่อยอดความมุ่งมั่นของชไนเดอร์ อิเล็คทริคในเรื่องของความสามารถในการเชื่อมต่อ ความยั่งยืน ความมีประสิทธิภาพ การน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่ our Life Is On page