กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--บีโอไอ
บีโอไอชี้ช่องทางธุรกิจไทยลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดใหม่ 4 ประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ไนจีเรีย คีร์กิซสถาน บังกลาเทศ และปากีสถาน เตรียมเผยผลศึกษาเชิงลึกในการเข้าไปทำธุรกิจและการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสแก่นักธุรกิจไทย มั่นใจประเทศตลาดใหม่สามารถรองรับการลงทุนจากไทย จากปัจจัยด้านทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ
นางสาวชลลดา อารีรัชชกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) เปิดเผยว่าในวันที่ 12 ตุลาคม 2558 บีโอไอจะนำเสนอผลการศึกษา "โอกาสการลงทุนไทยในประเทศตลาดใหม่: ไนจีเรีย คีร์กิซสถาน บังกลาเทศ และปากีสถาน" ณ ห้อง เลอ โลตัส 1 โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด โดยผลการศึกษาครั้งนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนและระเบียบการลงทุน เพื่อให้นักลงทุนไทยได้ข้อมูลพื้นฐานทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ตลอดจนขั้นตอนการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถ และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศ
ภายในงานจะมีการเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำธุรกิจจากนักลงทุนไทยที่ได้เข้าไปลงทุนในประเทศตลาดใหม่ เพื่อนำเสนอโอกาส รวมทั้งข้อมูลเชิงลึกของการลงทุนแยกเป็นรายอุตสาหกรรมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้ประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญยังพบว่ากลุ่มประเทศตลาดใหม่ทั้ง 4 ประเทศนั้น มีศักยภาพในการเป็นตลาดรองรับสินค้าและบริการ รวมไปถึงการลงทุนจากประเทศไทยในอนาคต เพราะอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุดิบ และแรงงาน และยังป็นกลุ่มประเทศที่ตลาดกำลังขยายตัวและมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง
"สิ่งสำคัญในการสนับสนุนภาคเอกชนให้ออกไปแสวงหาโอกาสการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศนั้น บีโอไอให้ความสำคัญกับประเทศที่มีศักยภาพรองรับการลงทุนเป็นหลัก ซึ่งทั้ง 4 ประเทศดังกล่าว มีความพร้อมในรองรับการลงทุนที่แตกต่างกัน ดังนั้นการนำเสนอผลการศึกษาโอกาสการลงทุนในครั้งนี้ จะช่วยให้นักลงทุนไทยมีข้อมูลอ้างอิงเพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการเข้าไปลงทุนได้อย่างดี" นางสาวชลลดากล่าว
สำหรับประเทศไนจีเรีย เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจการเกษตร โดยมีผลิตผลทางการเกษตร เช่น มันสำปะหลัง ข้าว อ้อย เป็นต้น รวมไปถึงการทำเหมืองแร่ ขณะที่อุตสาหกรรมที่ นักลงทุนไทยจะมีโอกาสและความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป โดยพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเข้าไปลงทุนเพาะปลูกหรือการจัดตั้งโรงงานเกษตรและอาหารแปรรูปในไนจีเรีย ได้แก่ บริเวณทางตอนใต้และตอนกลางของประเทศ
ส่วนสาธารณรัฐคีร์กีซ จากการศึกษาพบว่า อุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยจะมีโอกาสและความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนมากที่สุด คือ ธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรม รวมไปถึงในส่วนของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในอุตสาหกรมที่อาศัยความได้เปรียบจากการที่สาธารณรัฐคีร์กีซมีภูมิประเทศที่หลากหลาย และมีทัศนียภาพสวยงาม ส่งผลให้สามารถดำเนินการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ
สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ พบว่าอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเข้าไปลงทุนทำธุรกิจ ได้แก่ อุตสาหกรรมเพาะปลูก อุตสาหกรรมการแปรรูปพืชผลทางการเกษตร รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงานในการผลิต อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม นอกจากนี้ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและภาคบริการบางส่วนที่เกี่ยวข้องของบังกลาเทศเริ่มมีการขยายตัวและมีศักยภาพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายภาครัฐ ประกอบกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของประเทศที่มีความสวยงาม ยังไม่ถูกทำลาย และเหมาะแก่การท่องเที่ยว
สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน พบว่า ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนทำธุรกิจ ในอุตสาหกรรมเพาะปลูก อุตสาหกรรมการแปรรูปพืชผลทางการเกษตร อุตสาหกรรมประมงและอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล และอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก โดยพื้นที่ที่เหมาะสมแก่การเข้าไปลงทุน ได้แก่เมืองการาจี และเมืองละฮอร์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่มาก
ผู้สนใจเข้ารับฟังการนำเสนอผลการศึกษา "โอกาสการลงทุนไทยในประเทศตลาดใหม่: ไนจีเรีย คีร์กิซสถาน บังกลาเทศ และปากีสถาน" สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เบอร์โทร 02 – 553 – 8111 ต่อ 6227 อีเมล์ ARANYAPAT@BOI.GO.TH